S.Fiction 1859 | Track 5 : ความลับ
Title: Life in Different Sound
Fandom: Katekyo Hitman Reborn ! (c) Amano Akira
Paring: 1859 (Hibari * Gokudera)
Rating: PG13
Author: Devilz79
---------------- T r a c k 5 : ค ว า ม ลั บ ----------------
Fandom: Katekyo Hitman Reborn ! (c) Amano Akira
Paring: 1859 (Hibari * Gokudera)
Rating: PG13
Author: Devilz79
---------------- T r a c k 5 : ค ว า ม ลั บ ----------------
อากาศร้อน...
แม้จะค่อนข้างร้อนอบอ้าวและเหนียวตัวปานกลาง แต่สำหรับโกคุเดระ
ฮายาโตะแล้ว รู้สึกว่ามันดีกว่าหน้าฝนมาก ร่างเล็กในชุดลำลองสบายๆ
นอนเอนตัวลงบนเตียงพับที่ตัวเองอุตส่าห์ลากมันเอาออกมาอยู่นอกระเบียง
ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เมื่อไร
ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นบางกวาดอ่านตัวหนังสือต่างประเทศที่เรียงเป็นพรืดอย่างสบายๆ
มือเรียวพลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือเล่มบางในมือเมื่อสายตากวาดลงมาสิ้นสุดหน้ากระดาษแผ่นนั้น
ชั่วขณะของการพักสายตา
มีร่างโปร่งในชุดยูคาตะสีเข้ม
อันไม่เข้ากับบรรยากาศของอพาร์ตเมนต์แบบสมัยใหม่สุดๆ
กำลังนอนอ่านหนังสือเล่มหนาที่มีการเย็บเล่มแบบญี่ปุ่นจ๋าไม่ต่างจากเจ้าตัวคนอ่านเลยสักนิด
คนผมเงินพิจารณาร่างนั้นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
แต่นั่นก็พาให้สายตาคมกริบนั่นจ้องกลับมาอย่างรวดเร็ว
โกคุเดระไหวไหล่ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือในมือต่อไป
เขาขี้เกียจจะต้องมานั่งเล่นสงครามประสาท
ที่สุดท้ายตัวเขาเองก็จะทำให้มันกลายเป็นสงครามน้ำลาย (ของเขาฝ่ายเดียว
เพราะอีกฝ่ายกว่าจะเปิดปากพูดแต่ละที...ดอกพิกุลทองจะร่วงเหรอ?)
แต่ยังไม่ทันที่จะได้อ่านหน้าต่อไปตามที่คิดเอาไว้
เสียงแผดร้องของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
หน้าจอแสดงชื่อที่ไม่ได้พึงปรารถนาในวันหยุดแบบนี้
‘ไอ้บ้าเบสบอล’
โกคุเดระกลอกตาก่อนจะรับสายที่ดูท่าทีว่าจะไม่หยุดแหกปากได้ง่ายๆ
“เออ” ทักทายคู่สนทนาด้วยมารยาทผู้ดีที่ถูกสั่งสมตั้งแต่สมัยอยู่ที่อิตาลี่
(?)
“โกคุเดระ วันนี้นายอยู่ห้องรึเปล่า ฉันจะไปหา”
เสียงร่าเริงอารมณ์ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่องจู่โจมเข้ามา
พาให้คนฟังอยู่แทบตีหน้ามึน...มันจะมาทำไมมม ใครจุดธูปเรียกไม่ทราบ...ชิ
ร่างเล็กถอนหายใจพรืดแล้วเอนตัวลงไปมองนาฬิกาที่อยู่ภายในตัวห้อง
“แล้วแกไม่ซ้อมเบสบอลรึไง ว่างนักเหรอ?” ตอบเสียงนิ่งกลับไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาสีดำที่จ้องข้ามระเบียงมา
เสียงหัวเราะร่าจากปลายสายดังขึ้นมา
บางที...เขาอาจจะต้องพายามาโมโตะไปตรวจหาสารกระตุ้นประสาทบ้างแล้วล่ะ
“นายงอนฉันเหรอเนี่ย ว้า...”
คำพูดที่ดังถัดจากเสียงหัวเราะนั้นแทบพาให้คู่สายถึงกับกลอกตาขึ้นฟ้า
แล้วหักห้ามใจตัวเองไม่ให้บีบโทรศัพท์ให้เละคามือ
...เก็บมือไปบีบคอไอ้คนพูดดูจะคุ้มกว่า
ปั๊ดธ่อออออออ !!!
“วันนี้ชมรมหยุดน่ะ ฉันก็ว่างๆ เลยว่าจะไปหานายที่ห้อง”
เมื่อยามาโมโตะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ลอยข้ามผ่านเสาสัญญาณ
เลยเลือกที่จะตอบคำถามที่อีกฝ่ายได้ถามเอาไว้จะดีกว่า
โกคุเดระขมวดคิ้ว...ว่างนักไม่ไปช่วยพ่อขายซูชิฟระ
แม้จะอยากตอบไปอย่างนี้ แต่ด้วยมารยาทที่ดีคนผมเงินจึงทำแค่แค่นหัวเราะ
“ไม่ต้องมา ไม่ต้องโผล่หน้ามาเลย แกอยู่ไหนก็สถิตไปที่นั่น ฉันไม่ว่าง”
นี่เป็นคำพูดที่รักษาน้ำใจอย่างสุดๆ แล้ว
หากยามาโมโตะเป็นสาวน้อยละก็...คงบ่อน้ำตาแตกเพราะโดนปฏิเสธรักอย่างไร้เยื่อใย (?)
แต่เพราะยามาโมโตะคือเด็กหนุ่มผู้อารมณ์ดีแห่งยุค
จึงมีแต่เสียงหัวเราะฮ่าๆ ลอยมาตามสาย
พาให้โกคุเดระอยากจะประสาทเสียเสียตรงนั้น “แล้วนายจะไปไหนอ่ะ
ให้ฉันไปด้วยปะ?”
โกคุเดระถอนหายใจออกมาเสียงดัง
ก่อนจะยืดตัวลุกขึ้นแล้ววางหนังสือลงบนเตียงพับ “ไม่ต้องการเฟ่ย
แล้ววันนี้ฉันก็ไม่ว่าง” ร่างเล็กเอ่ยสถานที่อย่างส่งเดช
แต่ก็....ไม่รู้ทำไมว่าท้ายประโยคจะต้องทำเสียงให้มันดังขึ้นมา
ราวกับจะเรียกร้องความสนใจจากใครบางคน
“แหม...มีเดทก็ไม่ต้องเขินหรอก เดทให้สนุกนะ ฉันไม่กวนแล้ว”
เอ่ยคำอวยพร (ที่คนฟังไม่ได้ต้องการ)
แล้วยังตามด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงอารมณ์ดีที่พูดเองเออเอง
ที่พาให้คนฟังอยากจะร้อง ห๊ะ ออกไปกับความคิดของอีกฝ่าย
เสียงสัญญาณบอกว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้ว โกคุเดระจึงพับโทรศัพท์เก็บ
สายตาสีมรกตเหลือบมองระเบียงฝั่งตรงข้าม
...ว่างเปล่า
คนที่เคยนอนอยู่ตรงนั้น หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
โกคุเดระส่ายหน้าไปมา
เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่ลืมคั่นหน้าเอาไว้และเขาก็ไม่ได้จำเลขหน้าด้วย
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างนึกโทษไอ้สายโทรศัพท์ที่มันเข้ามาอย่างน่าหงุดหงิด
เสียงจิ๊จ๊ะออกจากลำคอเหมือนไม่ได้ดั่งใจ
ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเตรียมตัวอาบน้ำออกไปข้างนอก
ในเมื่อไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เขาอ่านหนังสือแล้ว
แล้วเขาจะเก็บตัวอยู่ในห้องทำไมกัน...
ร่างเล็กในเสื้อแขนยาวสีขาวตัวบางกับกางเกงยีนส์สีดำเข้ม
ยกมือขึ้นสูงเพื่อหยิบหนังสือเล่มหนา ที่ชื่อเรื่องดึงดูดความสนใจ
ไอ้ความเป็นจริงเขาไม่ได้อยากจะมาข้างนอกนักหรอก
ถ้าไม่ติดว่าหนังสือเล่มที่อ่านอยู่มันกำลังจะจบแล้วเขาก็ไม่มีอะไรอ่าน
ดังนั้น ไอ้คำอ้างที่พูดไปกับยามาโมโตะก็เป็นจริงขึ้นมา...เขามาสถิตตัวเองอยู่ในร้านหนังสือจนได้
โกคุเดระใช้นิ้วเขี่ยสันหนังสือให้มันตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง
เนื่องด้วยชั้นหนังสือมันสูงเกินไป...เขาไม่ได้เตี้ยหรอกนะ
แต่หนังสือเล่มนี้มันดันวางอยู่ชั้นบนน่ะสิ !
ปลายเท้าที่เขย่งขึ้นพาให้ระดับสายตาเคลื่อนสูงขึ้นไป
โดยไม่ได้ตั้งใจดวงตากลมสีเขียวเข้มมองลอดช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือ
เรือนผมสีดำที่เห็นเป็นพุ่มๆ (?)
อยู่ในระดับสายตานั้นพาให้คนตัวเล็กมุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย
แม้จะไม่ชัดเจน แต่เขารู้สึกว่าไอ้หัวนั้นมันคุ้นเคย...
ปุ้ก !
เสียงหนังสือเล่มหนาที่ร่วงลงกับพื้นพาให้คนที่แอบมองคนอื่นอยู่สะดุ้งแล้วรีบก้มลงมองของที่อยู่บนพื้น
ก่อนจะเก็บมันขึ้นมาแต่โดยเร็ว
แล้วถือมันออกไปยังตู้หนังสืออีกฝั่งที่เขาเห็น (หัว) ใครบางคนอยู่
มอง มองเธอมาแสนนาน
ฉันไม่กล้า...ต้องคอยหลบตาเธอเสมอ
โกคุเดระพิงหลังเข้ากับโซฟาตัวนุ่มของร้านกาแฟที่ครุไปด้วยกลิ่นไอของกาแฟ...มันฉุน
เขาไม่ชอบ แต่จะทำยังไงได้ มันเป็นร้านกาแฟของร้านหนังสือนี่หว่า
แล้วก็...ไม่ได้อยากเข้ามาเองด้วย
ไอ้ตัวต้นเหตุมันคือเจ้าหัวดำที่กำลังพลิกหน้ากระดาษที่นวลอยู่ต่างหากเล่า
มือเล็กหยิบโกโก้เย็นที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดูด
แล้วมองกรอบหน้าคมที่กำลังสนใจอยู่กับหนังสือในมืออยู่ไม่ห่าง
ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอก เพราะเขาก็นึกบทสนทนาอะไรไม่ออกเช่นกัน
ไม่ได้ช่างเจรจาเหมือนไอ้บ้าเบสบอลที่อยู่เฉยๆ
ก็สรรหาเรื่องมาคุยได้ตลอดเวลา
คนผมเงินหยิบหนังสือเล่มหนาที่ห่อปกสีน้ำตาลออกจากถุงกระดาษ
ก่อนจะเปิดหน้าแรกที่มีตัวหนังสือสีดำเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เสียงอ๊ะร้องขึ้นมา แล้วหนังสือเล่มนั้นถูกปิดลง
พาให้คนทีอ่านอยู่ก่อนเลิกคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมามองว่าคนที่นั่งตรงข้ามกำลังจะทำอะไร
แต่สิ่งที่โกคุเดระทำนั้น
พาให้คนที่จ้องมองแค่นหัวเราะออกมา...เมื่อเจ้าหัวเงินตรงหน้ากำลังควักแว่นสายตากรอบดำขึ้นมาสวมเข้ากับใบหน้า
เรียวหน้าได้รูปถูกกรอบแว่นบังให้หน้าตาดูแปลกไปเพียงเล็กน้อย
ดวงตาสีเขียวใต้เลนส์ใสจดจ้องตัวหนังสือในมืออีกครั้งอย่างเป็นประกาย
ราวกับเด็กน้อยที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่
ริมฝีปากที่มักจะมุ่ยหรือชอบเอะอะโวยวายเป็นนิจ
กำลังเม้มเข้าหากันด้วยความตั้งใจ รอยยิ้มจางๆ
ปรากฏอยู่ที่สองแก้มโดยเจ้าตัวไม่ทันได้รู้ตัว
ฮิบาริเอง...ก็ไม่รู้ตัว
ตาสีเข้มไล่มองกรอบหน้าที่จดจ้องกับหนังสือในมืออย่างขะมักเขม้น
ดวงตาสีเขียวที่บอกว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น กับผิวสีขาวสว่าง
สองพวงแก้มเป็นสีแดงเรื่อจากไอแดดยามกลางวัน แม้ในห้องนี้จะเป็นห้องแอร์
แต่ด้วยอุณหภูมิที่ตั้งเอาไว้ให้ไม่เย็นจนเกินไป
ประกอบกับอุณหภูมิภายนอกแล้ว หากไม่ใช่คนที่ขี้หนาวก็อาจจะร้อนอยู่บ้าง
เรือนผมสีสว่างเป็นประกายในแสงแดด
มันระลงมาปรกใบหน้าที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเสยขึ้นไปเพื่อกำจัดความรำคาญในการอ่านหนังสือ
แล้วมือเล็กนั่นก็ผละจากการจับหน้ากระดาษไปล้วงอะไรสักอย่างในกระเป๋าออกมา
โดยที่สายตายังจับจ้องอยู่กับบรรทัดที่วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
อะไรจะตั้งใจอ่านขนาดนั้น ?
เมื่อได้สิ่งที่ประสงค์ โกคุเดระยอมละสายตาออกจากหน้ากระดาษ
แล้วเลยขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงหน้า
หากแต่ก็พาลจะทำให้ลมหายใจชะงักไปเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมา
...จ...จะกินเขาหรือไง !?
“มองอะไรฟระ...” เสียงห้วนเอ่ยถาม
หน้าร้อนผ่าวอาจจะเพราะหน้าร้อนกำลังเดินทางมาถึงแล้ว
มือเล็กที่มียางวงสีอ่อนรู้สึกเกะกะขึ้นมาทันที
ไม่ทราบว่าจะเอามือไปไว้ตรงไหนของร่างกาย
คนผมเข้มระบายลมหายใจสั้นๆ ออกมา “เปล่า...” ตอบปฏิเสธไป พาลให้เรียวปากของคนที่นั่งตรงข้ามมุ่ยลง
“เปล่าอะไรฟระ...มองหน้ากันจะหาเรื่องกันรึไง?” บ่นเสียงอุบ
ก็ทำไมเล่า ! เมื่อกี๊เห็นชัดๆ ว่าเจ้านี่มันมองเขาอยู่
ถ้ามีเลเซอร์สแกนม่านตา ป่านนี้ไอ้คนตรงหน้าเขาตายไปแล้วมั้ง
ดวงตาคมกลอกเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือในมือของตัวเองต่อ การเถียงกับคนตรงหน้ามันไม่ใช่ทางออกที่ดี ยิ่งตอนนี้เขาไม่อยากจะเถียง
โกคุเดระมุ่ยปากอย่างขัดใจกับการตัดบทของอีกฝ่าย แม้จะเริ่มชินบ้าง แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังน่าหมั่นไส้อย่างมีนัยสำคัญ
มือเรียวยกยางวงสีอ่อนขึ้นมัดผมด้านหน้าที่มันลงมาระดวงตาจนน่ารำคาญ
แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือในมือตัวเองต่อ รอยยิ้มน้อยๆ
ผุดขึ้นตรงริมฝีปากเมื่อเริ่มอ่านหนังสือเล่มใหม่
ก่อนเจ้าตัวจะจมดิ่งลงไปในกระดาษเปื้อนหมึกเล่มโต
ฮิบาริเหลือบตาขึ้นมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ถูกคั่นไว้ด้วยแก้วชาร้อนและโกโก้เย็น
ตัวหนังสือตรงหน้าไม่อาจเรียกให้สายตาคู่เรียวคมกลับไปมองได้
กลัว ว่าวันนึงถ้าเธอ...รู้ว่าฉัน
ปิดบังความจริงอะไรเอาไว้
โกคุเดระ
ฮายาโตะยกมือขึ้นขยี้ผมด้านหน้าที่มันชี้ไม่เป็นทรงจากการโดนหนังยางรัด
ในขณะที่ดวงตากลมกลอกไปมาอย่างรู้สึกอิดหนาระอาใจกับเสียงหัวเราะบ้าบอที่ดังอยู่ข้างหู
ไม่รู้ใครจุดธูปเชิญมา
ยามาโมโตะ ทาเคชิ นักกีฬาหนุ่มแห่งนามิโมริ ที่อยู่ๆ
ก็ส่งเสียงทักทายพร้อมเดินเข้ามาภายในร้านหนังสือนี้
โบกไม้โบกมือเรียกร้องความสนใจจากเพื่อนผมเงินที่กำลังเพ่งสมาธิอยู่ในหน้ากระดาษกลิ่นน้ำหมึก
โกคุเดระ ฮายาโตะเงยหน้ามองตามต้นเสียง แต่ทว่า
ภาพตรงหน้ากลับดึงความสนใจไปเสียก่อน ภาพของฮิบาริ เคียวยะที่รวบของตรงหน้า
ยัดมันลงถุงกระดาษสีน้ำตาลและลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความงุนงงของคนที่มองตามหลังไป
และ...คนที่กำลังเดินสวนกันเข้ามา
ยามาโมโตะที่ยิ้มร่าท้าลมแดด
ถึงกับยิ้มค้างเมื่อคนที่เดินสวนไปอย่างรวดเร็วนั้น
ไม่มีทีท่าจะสนใจต่อคำทักทายของเขาบ้างเลย
ร่างสูงเกาหัวแกรกก่อนจะเดินเข้าไปยังโต๊ะที่มีคนผมเงินนั่งอยู่
โกคุเดระถอนหายใจพรืดอย่างไม่รู้ตัว
“ฉันคิดว่าจะเจอนายเดทอยู่กับสาวน้อยนะเนี่ย...”
คำทักทายที่เอ่ยขึ้นมา
พาให้คนฟังแทบจะสำลักตัวอักษรสีดำตรงหน้า...อะไรกันฟระ ใครบอกมันนนน
ใครบอกว่าเขาจะมาเดท “เอ๋...แล้วผมนั่น อะไรกันน่ะ โกคุเดระ?”
รอยยิ้มกว้างจนปากแทบเป็นรูปสี่เหลี่ยม
พาให้คนตัวเล็กยกมือจับหัวตัวเองแล้วนึกขึ้นได้ว่าผมหน้าที่มันเริ่มยาว
มันมาระลูกตาให้น่ารำคาญ
แต่ตอนนี้...การเอาผมลง มันคงจะน่ารำคาญน้อยกว่า รอยยิ้มล้อเลียนของไอ้คนตรงหน้านี่สินะ
“เอ๋...?” เสียงหัวเราะที่หยุดไป แล้วแทนที่เสียงร้องอย่างงุนงง
พาให้โกคุเดระมองตามร่างสูงที่ย้ายมวลสารจากข้างๆ เขาไปอยู่ในฝั่งตรงข้าม
ที่เดียวกับที่ฮิบารินั่งอยู่เมื่อครู่
หนังสือเล่มเล็กที่ห่อหน้าปกด้วยกระดาษสีน้ำตาลอ่อน ถูกชูขึ้นมา
“ไม่ใช่ของนายใช่มั้ย โกคุเดระ?” เอ่ยถาม
ทั้งที่ก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่าเป็นของใคร
เจ้าของชื่อหรี่ตามองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมาจากยามาโมโตะ
เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังครุ่นคิดก่อนจะผุดตัวลุกขึ้น
รวบหนังสือบนโต๊ะเข้าไปในถุง
“ฉันไปก่อนนะ”
ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้คนที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งเบิกตากว้างอย่างเหรอหราด้วยความงุนงง
เดี๋ยวนะ...นี่จะไม่สร้างความกระจ่างให้กับเขาเลยเหรอ
แต่นั่น...มันก็ไม่สร้างความสงสัยมากเท่ากับ
ไอ้น้ำสองแก้วที่วางบนโต๊ะเนี่ย จ่ายเงินหรือยัง ?
อากาศร้อน
ร้อนจนโกคุเดระอยากจะพ่นไฟเผาไอ้ประตูห้องตรงหน้าให้มันวอดวายไปซะ
ไอ้บ้าเจ้าของห้องมันจะได้ออกมาเสียที
นี่เขาเคาะจนมือแทบจะสิงอยู่ในประตูอยู่แล้ว
เจ้าของห้องก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเปิดประตูให้สักนิด
ปั๊ด-ธ่อ-ว้อยยยยยยย !
ร่างเล็กมุ่ยหน้าอย่างขัดใจ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองๆ อยู่กับพื้น
ทิ้งถุงกระดาษใส่หนังสือสีน้ำตาลวางลงกับมือ
มีถืออยู่ในมือเพียงถุงเดียว...อันที่ไม่ใช่ของเขา
เขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ
และไม่ได้อยากจะสนใจด้วยว่าไอ้เจ้าบ้าหัวดำนี่มันเหตุผลอะไรที่อยู่ๆ
อยากจะลุกออกไปจากโต๊ะก็ลุกไปซะงั้น ไม่ได้มีคำบอกก่อนว่าจะไปหรืออะไรเลย
แต่ปัญหาคือ ทำไมจะต้องมาลืมของเอาไว้และลำบากให้เขาต้องเอามาให้อีก
แถมเคาะประตูเรียกก็ยังไม่ยอมเปิด
ต้องให้จุดธูปเรียกดีมั้ย ? เขาพอจะรู้คาถาอยู่บ้างนะ
“เฮ้ย...” เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างๆ
พาให้คนที่นั่งอยู่เหลือบตาขึ้นมามองแล้วสะบัดหน้าหนีด้วยความหงุดหงิด แหม
แค่คิดว่าจะจุดธูปเรียกก็โผล่มาเลยเหรอ
น่าจะจุดเรียกซะตั้งนานแล้ว
หือ...?
แล้วทำไมมันถึงมาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ เขาแบบนี้ละเฟ่ยยยยย !?
“นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย?” ฮิบาริขมวดคิ้วเข้าหากัน
กอดอกมองคนที่นั่งจ๋องอยู่หน้าห้องของเขา
ทำหน้าตาไม่เป็นมิตรต่อประตูห้องของเขาซะขนาดนั้น
“ท...ทำไมนาย?” โกคุเดระ ฮายาโตะที่กำลังสะพรึง
มโนไปไกลแล้วว่าฮิบาริอาจจะไม่ใช่คน จริงๆ
แล้วหมอนี่ตายคาห้องแต่ไม่รู้ตัวเลยยังไปโรงเรียนและตามมาหลอกหลอนเขาอยู่แบบนี้
ให้ตายสิ มิน่าทำไมห้องหมอนี่ถึงได้มืดและมีไอเย็นๆ อยู่ตลอดเวลา
ร่างเล็กถดตัวหนีคนที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะค่อยๆ
ยันตัวลุกขึ้นเตรียมวิ่งหนี
หากแต่มือหนากลับคว้าไหล่เล็กเอาไว้ในมือได้เสียก่อน
ดวงตากลมสีเขียวหลับปี๋
ปากขยับพึมพำภาษาอะไรสักอย่างที่คนผมดำตรงหน้าไม่เข้าใจและไม่ได้อยากจะเข้าใจเลยสักนิดเดียว
“โอ๊ยยยยย !!!”
เสียงร้องดังออกมาเมื่อรู้สึกว่าหัวของตัวเองทิ่มลงด้วยแรงเคาะจากข้อนิ้วของมือที่จับไหล่เขาไว้แน่น
ให้ตายเถอะ ผีฮิบารินี่มันฤทธิ์แรงจริงๆ
สงสัยจะเป็นผีมานานถึงมีแรงเยอะขนาดนี้
“นี่ หยุดคิดอะไรงี่เง่าได้แล้ว”
นิ้วเรียวยาวจิ้มลงบนหน้าผากเนียนของคนที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมามอง
แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าคิดอะไรไม่เข้าท่าอยู่ในหัว
“แล้วก็ตอบฉันมาว่านายมานั่งทำอะไรตรงนี้”
“ฉะ...ฉันไม่ได้งี่เง่านะเฟร้ยยย ! คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี
นายไปเกิดใหม่ได้แล้วเฟ่ยยยยยย” โวยวายออกมาเสียงดังลั่น
พาให้คนฟังถึงกับตัวสั่นด้วยความหงุดหงิดกับไอ้ความคิดพิลึกของคนตรงหน้าจนเริ่มอยากจะหยิบทอนฟาขึ้นมาฟาดปากให้ได้สติ
ฮิบาริถอนหายใจแล้วบีบแรงกับไหล่ที่เขาจับเพิ่มขึ้นอีก “แกอยากจะไปเกิดใหม่สินะ...โกคุเดระ ฮายาโตะ”
“ม่ายยยย ! แกนั่นแหละที่ต้องไปเกิดใหม่ ฉันสัญญาเลย
ว่าถ้านายปล่อยฉันไป ฉันจะแจ้งให้เจ้าของห้องมาทำพิธีให้นายใหม่
ฉันจะไปบอกคุซาคาเบะเองว่านายไม่อยู่แล้ว
นายไม่ต้องห่วงเรื่องความสงบเรียบร้อยของนามิโมรินะ
ฉันเชื่อว่าคุซาคาเบะทำได้อยู่แล้วล่ะ !”
ร่างสูงค่อยๆ คลายมือออกจากไหล่ที่เขาจับเอาไว้
เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ แง้มออกมา
พร้อมกับรอยยิ้มแห้งของคนที่โล่งใจว่าสามารถเจรจากับอดีตมนุษย์ได้สำเร็จ
แต่ก่อนที่โกคุเดระจะได้ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ลำคอเล็กกลับโดนวงแขนใหญ่กว่ารัดเอาไว้อย่างรวดเร็วจนทำได้แต่ดิ้น ๆ
ให้หลุดจากการรัดคอที่แสนจะน่าสะพรึงกลัว
ผีรัดคออออ !!
ฮิบาริอยากจะเอาหมัดอุดปากไอ้คนที่พูดจาออกมาไม่เป็นภาษา
แต่เขากลับเลือกที่จะไม่สนใจเสียงร้องโวยวาย
และเขาก็รู้ดีว่าจะไม่มีคนออกมามุงดูให้น่ารำคาญ
แน่นอน...ชั้นนี้มันเป็นของเขาทั้งชั้น
ร่างสูงโปร่งไขแม่กุญแจที่ล็อคห้องเอาไว้ ในขณะที่ไอ้ตัวแรงเยอะในวงแขนของเขาเริ่มจะสงบลง แล้วมีเสียง 'เห' เบาๆ ดังขึ้นทีข้างๆ หู
“ดะ...เดี๋ยวนะ” โกคุเดระพยายามละล่ำละลักเอ่ยคำพูดออกมา
เพียงแต่ยังหอบอยู่กับการพยายามดิ้นให้หลุดและการร้องโวยวายเมื่อสักครู่
“น....นายไม่อยู่ห้องเหรอ?”
ฮิบาริเหลือบปลายสายตามามองคนที่ทำหน้างุนงง “หยุดโวยวายได้แล้วรึไง?”
“ก...ก็ฉันนึกว่านายอยู่ห้องนี่หว่า แล้วอยู่ๆ นายก็มายืนตรงข้างๆ
อะไรวะ! ไม่อยู่ห้องแล้วทำไมไม่บอกเล่าา”
เมื่อเงียบจากการโวยวายเรื่องหนึ่ง ก็เปลี่ยนมาเป็นโวยวายอีกเรื่องหนึ่งแทน
ปั๊ดโธ่...ข...เขาก็หลงนึกว่าไอ้บ้านี่ทะลุประตูออกมาได้ตั้งนาน
แต่ทำไมเขาถึงไม่สังเกตเห็นแม่กุญแจวะ
“ล...แล้วนาย ก็ปล่อยฉันได้แล้วเฟ่ยยยยย” ดิ้นตัวพยายามจะให้หลุดออกจากวงแขนที่ยังรัดคออยู่ไม่ยอมปล่อย
ฮิบาริมองคนตัวเล็กกว่าที่พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ
ใบหน้าขาวนวลมุ่ยราวกับเป็นเด็กน้อยที่โดนผู้ใหญ่แกล้ง
ดวงตาสีเขียวแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิด โมโห จนเกือบจะกลายเป็นความงอแงเล็กๆ
“ไม่”
ยิ่งฉันใกล้เธอ เท่าไร
ยิ่งอยากจะเผยใจ
โกคุเดระมองไปรอบๆ ตัวด้วยความแปลกใจ
เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในห้องส่วนตัวของฮิบาริ เคียวยะ
ห้องรับแขกของโรงเรียนที่เจ้าบ้านี่ยึดมาเป็นของตัวเองไม่นับเป็นห้องส่วนตัวหรอกนะ
มันแปลกตากว่าที่เขาคาดไว้
เขาคิดว่าห้องของฮิบาริจะต้องประกอบไปด้วยแต่วัตถุสีดำ
ไม่แน่ใจว่าเคยเกิดเป็นราหูหรือยังไง
แต่ภายในห้องกลับตกแต่งไว้ด้วยสีขาวสว่าง
โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กสีขาวกับเบาะรองนั่งสีเดียวกัน
เฟอร์นิเจอร์แทบทุกชิ้นจะเป็นสีขาวที่มีสีดำแซมบ้าง
แต่ห้องนี้ไม่ได้ดูมืดทึมเหมือนเจ้าของห้อง
แต่ที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นคือ แม้ห้องนี้จะดูทันสมัยแค่ไหน
แต่ก็มีฉากกั้นห้องเอาไว้เป็นไม้แบบญี่ปุ่นเพียงแต่ใช้เป็นสีดำในการแยกโซนห้อง
ซึ่งเขาเข้าใจว่าส่วนนั้นน่าจะเป็นห้องนอน
“ฉันไม่เคยให้ใครเข้าห้องมาก่อน”
เสียงเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมกับชุดน้ำชาร้อนที่ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก
โกคุเดระหอบถุงหนังสือมากมายที่อยู่ในมือแล้วตามไปวางบนโต๊ะตัวนั้น
เขาคงพอนึกภาพออกหรอกนะ ถ้าคนอย่างฮิบาริจะชวนใครมาเที่ยวเล่นในห้อง ให้ตายเถอะ ใครมันจะอยากเข้ามา ความรู้สึกโดนล่อมาฆ่าชัดๆ
“ถ้านายยังไม่หยุดความคิดไร้สาระ ฉันจะขย้ำนายให้ตาย”
ฮิบาริว่าพลางรินน้ำชาใส่ถ้วยใบเล็กแล้วยื่นให้คนตรงหน้าที่กำลังแสดงละครทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ใส่ แบบนี้นี่แหละ มันถึงน่าขย้ำให้ตาย
“นี่ นายลืมหนังสือไว้ที่ร้าน ฉันวางไว้ตรงนี้นะ”
โกคุเดระชูถุงหนังสือสีน้ำตาลที่เขาอุตส่าห์หอบหิ้วมา
ก่อนจะวางแยกกองจากหนังสือของตัวเอง
“ไม่ใช่หนังสือฉัน” ฮิบาริวางถ้วยน้ำชาลง เอ่ยปฏิเสธ พาให้คนที่เพิ่งจับหนังสือแยกออกไปย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“ของนายสิฟระ ก็หยิบมาจากตรงที่นายนั่ง จะไม่เป็นของนายได้ไงฟระ”
บ่นงึมงำก่อนจะหยิบถุงนั้นขึ้นมายืนยันให้คนที่นั่งตรงข้ามรับรู้
ว่าเขาหยิบมันมาจากเก้าอี้ฝั่งฮิบาริจริงๆ
ฮิบาริเอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลจากมือโกคุเดระ
ก่อนจะล้วงออกไปหยิบหนังสือเล่มเล็กที่อยู่ในนั้นออกมา “ของนาย...”
แล้วยื่นตัวหนังสือออกไปให้คนผมเงินที่ทำหน้ามึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หยิบเล่มนี้มา ของนายนั่นแหละ”
ผลักหนังสือที่จ่อมาตรงหน้าให้คืนกลับคนที่เป็นเจ้าของ เขาเห็นนะ
เล่มนี้ฮิบาริหยิบมันมาเองชัดๆ เขาไม่ได้หยิบซะหน่อย
คนผมดำหรี่ตามองคนตรงหน้าแล้วระบายลมหายใจออกมาช้าๆ “ฉัน...” ตาคมเหลือบมองลงบนโต๊ะเหมือนชั่งใจว่าควรพูดสิ่งทิ่คิดออกไปหรือไม่
“ฉันให้...”
โกคุเดระเบิกตากว้างกับคำที่ได้ยิน “ให้ฉันเนี่ยนะ...แต่มัน...”
มันเป็นเล่มสุดท้ายของร้านและของโลกนี้ด้วยซ้ำไปแล้วมั้ง
เพราะว่าเป็นหนังสือที่เลิกผลิตไปตั้งนานแล้ว
เขาเห็นฮิบาริหยิบมันไปจ่ายเงินต่อหน้าต่อตา
แทบอยากจะทรุดลงแล้วอ้อนวอนตรงนั้น
“เออ จะเอาหรือไม่เอา?” คนให้เริ่มหงุดหงิดขึ้นมากับท่าทางประหลาดใจของคนตรงหน้า
มือเล็กเอื้อมไปรับหนังสือเล่มเล็กขนาดเล็กประมาณฝ่ามือ ที่ถูกเย็บเลียนแบบหนังสือญี่ปุ่น ก่อนจะฉีกยิ้มโดยไม่รู้ตัว “ขอบใจ”
คนให้ลอบมองคนที่อมยิ้มกับหนังสือ เรือนผมสีเทาเงินลงมาคลอเคลียแก้ม
ดวงตากลมจ้องหนังสือเป็นประกายค่อยๆ
เปิดมันทีละหน้าอย่างเบามือราวกับว่ากลัวว่ากระดาษมันจะสลายไป
กวาดตาผ่านตัวอักษรโบราณสีดำบนกระดาษสีชาอย่างคร่าวๆ
แล้วพลิกไปหน้าถัดไปอย่างสำรวจ
ดวงตาสีนิลมองภาพตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มจางในสายตา
“...ฮายาโตะ”
“หือ?” เจ้าของชื่อเงยหน้ามองคนที่เรียกตัวเอง
ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองกลับมา นี่...เขาทำอะไรผิดอีก
ทำไมเจ้านี่มองเหมือนจะกินเขาอีกแล้ว ตั้งแต่ในร้านกาแฟแล้วนะเว่ยยย
ฮิบาริชะงักกับเสียงและสายตาที่ถูกจ้องกลับมา
ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไร ยิ่งอยากจะเผยใจ
เมื่อสบสายตา ก็ยิ่งหวั่นไหว
“ขอบใจสำหรับหนังสือนะ” โกคุเดระ ฮายาโตะพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งๆ
ราวกับพยายามจะเก๊กฟอร์ม “นี่...ฉันให้นาย”
แล้วยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลอีกถุงให้กับคนที่ออกมายืนอยู่หน้าห้อง
ฮิบาริเลิกคิ้วแล้วมองหน้าคนที่ยื่นให้ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“คือ...เออน่า อย่าให้ฉันพยายามอธิบายอะไรได้มั้ยฟระ”
โกคุเดระคว้ามืออีกคนมาแล้วยัดถุงกระดาษสีน้ำตาลใส่
“...เอาไปแล้วก็รีบเข้าห้องได้แล้วเฟ่ยย”
บ่นงึมงำในลำคอด้วยใบหน้ามู่ทู่เมื่อคนตรงหน้าทำหน้าเหมือนจะจ้องจับผิด
ฮิบาริรับถุงที่ใส่ของไว้
ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของโกคุเดระในเสื้อสีขาวสะอาดที่ไปหยุดยืนหน้าห้องพลางไขกุญแจอย่างลำบาก
ร่างเล็กเดินเข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วพร้อมของพะรุงพะรังในมือ
คนที่ยังคงยืนอยู่ล้วงมือเข้าไปในถุงสีน้ำตาลที่เพิ่งได้รับมา แล้วหยิบของที่อยู่ข้างในออกมา
หนังสือปกสีชาซีด เย็บเล่มแบบหนังสือญี่ปุ่นโบราณ ไม่มีตัวอักษรใดๆ
บ่งบอกชื่อเรื่อง ชื่อผู้แต่ง คิ้วเรียวขมวดด้วยความสงสัย
ก่อนจะพลิกเพื่อเปิดหน้ากระดาษดู...ก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีตัวอักษร
ไม่มีหยดหมึก
สัมผัสถึงรอยยุบที่ปกหลังพาให้คนที่ถือวัตถุเล่มนั้นพลิกมันกลับอย่างรวดเร็ว
รอยปั๊มลึกเป็นอักษรคันจิสี่ตัวที่อยู่มุมล่างของปก
พาให้คนที่ได้รับถอนหายใจออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่จางหายไปอย่างรวดเร็วที่มุมปาก
แต่ในดวงตาสีเข้มยังคงมีรอยยิ้มเจือจาง
雲雀恭弥
โกคุเดระพิงตัวอยู่กับบานประตูที่เพิ่งเข้ามา
วางของลงกับพื้นอิงไว้กับผนังห้อง แล้วค่อยๆ
แง้มบานประตูออกไปลอบมองคนข้างห้องที่ตอนนี้ยังไม่เข้าห้องไปอีก
ร่างเล็กเผลอกัดปากแน่นเมื่อเห็นร่างในชุดลำลองค่อยๆ
หยิบของออกมาจากถุงสีน้ำตาล ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ
แล้วก้มลงมองพื้น หนังสือที่ได้มาจากฮิบาริไหลออกมาจากถุงกระดาษที่ล้มลง
มันยากเหลือเกิน
จะเก็บ...ซ่อนความลับเอาไว้
อากาศยังคงร้อน
โกคุเดระเปิดประตูระเบียงออกไปพร้อมลากพัดลมตั้งโต๊ะออกมาวางกับพื้น
ก่อนจะต่อสายและเปิดมันด้วยระดับที่แรงที่สุด
พร้อมหนังสือตั้งใหญ่ที่ลากมันออกมาวางอยู่ข้างเตียงพับ
ใบหน้าเรียวรับกับดวงตาสีเขียวหันไปมองระเบียงข้างๆ
ที่มีร่างในชุดยูคาตะสีดำนอนอยู่พร้อมกับสมุดสีชาซีดในมือ
และปากกาแบบพู่กันอยู่ในมืออีกข้าง
โกคุเดระเลิกคิ้วใส่สายตาที่เหลือบมามองราวกับการตั้งหัวข้อในการมีเรื่อง
หากแต่เจ้าของสายตาคู่นั้นกลับเมินและไม่สนใจ
พาให้คนที่ถูกเมินมุ่ยหน้าและทิ้งตัวลงบนเบาะของเตียงพับ
กวาดมือหยิบหนังสือเล่มบนสุดขึ้นมาเปิดอ่าน
หนังสือเล่มเล็กที่ได้รับมา
พร้อมรอยยิ้มที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้น เรียกให้คนที่อยู่ระเบียงอีกฝั่งลดสมุดในมือลง
และมอง...
และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม
โปรดบอกความในใจ ให้ฉันรู้ทีนะเธอ
El Fin
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น