S.Fiction 1859 | Track 2 : ทำไมต้องเธอ
Title: Life in Different Sound
Fandom: Katekyo Hitman Reborn ! (c) Amano Akira
Paring: 1859 (Hibari * Gokudera)
Rating: PG13
Author: Devilz79
Fandom: Katekyo Hitman Reborn ! (c) Amano Akira
Paring: 1859 (Hibari * Gokudera)
Rating: PG13
Author: Devilz79
-------- T r a c k 2 : ทำไมต้องเธอ -----------------------------------------------
“โย่ว หวัดดี โกคุเดระ” เสียงทักทายจากคนตัวสูงที่ยืนยิ้มอยู่หน้าประตูที่เปิดออก พาให้เจ้าของห้องกลอกตาแล้วผละตัวออกจากประตู เพื่อให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา
เด็กหนุ่มตัวสูงหุ่นนักกีฬาหอบของพะรุงพะรังเต็มสองมือ หนึ่งในนั้นมีร่มสีใสคันใหญ่ มีหยดน้ำค่อยๆ ไหลบนผิวพลาสติก ที่เจ้าตัวก็อุตส่าห์หอบเอามาด้วย เมื่อมองออกไปด้านนอกก็เห็นว่าฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ
...ฝนตกอีกแล้วงั้นเหรอ ? น่าเบื่อที่สุด ตกไม่รู้จักเวล่ำเวลา ตกผิดฤดูอีกต่างหาก
โกคุเดระปิดประตูห้องแล้วไล่สายตามองตามหลังของแขกที่เดินเข้ามาราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เขาไม่สนใจแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดโทรทัศน์เพื่อลบความเงียบในห้อง
“เฮ้ย !!” เสียงร้องตกใจของคนผมสั้นสีดำ พาให้คนที่นั่งอยู่หันขวับไปมองด้วยความตกใจ แต่ที่เห็น...ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาด แค่เจ้าบ้าเบสบอลมันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าถังพลาสติก...ที่มีร่มสีดำอยู่ในนั้น
ร่มสีดำ...
“อะไรวะ?” คิ้วเรียวขมวด ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจร่มที่วางพิงอยู่ในถังกลมๆ
“นายใช้ร่มตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?” คำถามที่เอ่ยออกมา พาให้คงฟังเกือบจะสำลักอากาศไปต่อหน้า หากว่าไม่รีบตั้งสติเสียก่อน จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจร่มคันนั้นก็คงจะใช่เรื่อง
โกคุเดระมุ่ยหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหายามาโมโตะที่หยิบร่มขึ้นมาพิจารณาด้วยความสนใจ...โกคุเดระมีร่มติดตัว มิน่าเล่า ช่วงนี้ฝนถึงตกได้ตกดีน่ะ “วะ...อุ้ย...” แล้วคนตัวสูงก็ต้องร้องตกใจเมื่อร่มถูกดึงออกจากมือแล้วลงไปวางอยู่ในที่วางเหมือนเดิม
“เรื่องของฉันเว้ย ยุ่ง”
คนตัวเล็กลงเท้าเดินฉับๆ กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม ทิ้งให้คน ‘ยุ่ง’ มุ่นคิ้วอย่างงงๆ ดวงตากลมจ้องภาพที่เคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์...เป็นรายงานสภาพอากาศที่แปรปรวนไปมาในช่วงนี้ มีบางพื้นที่มีฝนตกหนักบ้างเบาบ้าง
ฝนตกหนัก...
ร่มสีดำ...
มือเล็กยกขึ้นมาเกาจมูกตัวเองเมื่อหวัดนึกถึงเหตุการณ์วันเมื่อวาน ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะคิดถึงหรอกนะ....แต่ก็เพราะเห็นร่มคันนั้นต่างหาก มันเลยอดที่จะคิดขึ้นมาไม่ได้น่ะ
ครืดดด ---
เสียงเปิดประตูระเบียงดังขึ้นมา โกคุเดระหันไปมองตามเสียง แล้วพบว่าเจ้าคนตัวสูงผมสั้นกำลังชะโงกหน้าออกไปมองที่ระเบียง แล้วยกมือข้างหนึ่งราวกับกำลังทักทายใครอยู่ “โย่ว...”
ไอ้รอยยิ้มสดชื่นบนใบหน้าที่ค่อยๆ แห้งลงนิดหน่อย พาให้ร่างเล็กรีบดีดตัวเองไปที่ระเบียง...
“...ฮิบาริ” เสียงที่เอ่ยชื่ออีกฝ่ายดังออกจากปากของเด็กหนุ่มนักกีฬาที่อัธยาศัยดีตามประสา “ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าข้างห้องนายคือฮิบาริน่ะ?” ยังหันหน้ามาถามคนที่ยืนจัดระบบใบหน้าตัวเองอยู่อีก
เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยเหลือบตามองคนผมเงินที่ไม่ตอบคำถามอะไร ค่อยกลับมามองคนที่ทักทายตนเอง แล้วหนังสือปกสีน้ำตาลในมือก็ปิดลงดัง พั่บ ก่อนที่ร่างโปร่งจะยืดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ญี่ปุ่นที่วางราบอยู่กับพื้น แล้วเดินเข้าไปในห้องของตน ตามด้วยเสียงประตูที่กระแทกดังจนคนที่ยืนมองอยู่เบ้หน้า
“เป็นอะไรของเขานะ?”
โกคุเดระกลอกตากับความไม่รู้ร้อนหนาวของยามาโมโตะ ริมฝีปากบางถูกกัดเข้าหากันเมื่อนึกถึงสายตาที่ถูกมองเมื่อครู่...ไม่รู้ มองไม่ออกหรอกว่าคนที่นิ่งแบบนั้นจะคิดอะไรอยู่
กรอบหน้าเรียวมุ่ยลงเมื่อภาพของเมื่อวานมันแล่นเข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติ
เด็กหนุ่มตัวสูงหุ่นนักกีฬาหอบของพะรุงพะรังเต็มสองมือ หนึ่งในนั้นมีร่มสีใสคันใหญ่ มีหยดน้ำค่อยๆ ไหลบนผิวพลาสติก ที่เจ้าตัวก็อุตส่าห์หอบเอามาด้วย เมื่อมองออกไปด้านนอกก็เห็นว่าฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ
...ฝนตกอีกแล้วงั้นเหรอ ? น่าเบื่อที่สุด ตกไม่รู้จักเวล่ำเวลา ตกผิดฤดูอีกต่างหาก
โกคุเดระปิดประตูห้องแล้วไล่สายตามองตามหลังของแขกที่เดินเข้ามาราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เขาไม่สนใจแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดโทรทัศน์เพื่อลบความเงียบในห้อง
“เฮ้ย !!” เสียงร้องตกใจของคนผมสั้นสีดำ พาให้คนที่นั่งอยู่หันขวับไปมองด้วยความตกใจ แต่ที่เห็น...ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาด แค่เจ้าบ้าเบสบอลมันกำลังยืนอยู่ตรงหน้าถังพลาสติก...ที่มีร่มสีดำอยู่ในนั้น
ร่มสีดำ...
“อะไรวะ?” คิ้วเรียวขมวด ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจร่มที่วางพิงอยู่ในถังกลมๆ
“นายใช้ร่มตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?” คำถามที่เอ่ยออกมา พาให้คงฟังเกือบจะสำลักอากาศไปต่อหน้า หากว่าไม่รีบตั้งสติเสียก่อน จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจร่มคันนั้นก็คงจะใช่เรื่อง
โกคุเดระมุ่ยหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหายามาโมโตะที่หยิบร่มขึ้นมาพิจารณาด้วยความสนใจ...โกคุเดระมีร่มติดตัว มิน่าเล่า ช่วงนี้ฝนถึงตกได้ตกดีน่ะ “วะ...อุ้ย...” แล้วคนตัวสูงก็ต้องร้องตกใจเมื่อร่มถูกดึงออกจากมือแล้วลงไปวางอยู่ในที่วางเหมือนเดิม
“เรื่องของฉันเว้ย ยุ่ง”
คนตัวเล็กลงเท้าเดินฉับๆ กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม ทิ้งให้คน ‘ยุ่ง’ มุ่นคิ้วอย่างงงๆ ดวงตากลมจ้องภาพที่เคลื่อนไหวบนจอโทรทัศน์...เป็นรายงานสภาพอากาศที่แปรปรวนไปมาในช่วงนี้ มีบางพื้นที่มีฝนตกหนักบ้างเบาบ้าง
ฝนตกหนัก...
ร่มสีดำ...
มือเล็กยกขึ้นมาเกาจมูกตัวเองเมื่อหวัดนึกถึงเหตุการณ์วันเมื่อวาน ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะคิดถึงหรอกนะ....แต่ก็เพราะเห็นร่มคันนั้นต่างหาก มันเลยอดที่จะคิดขึ้นมาไม่ได้น่ะ
ครืดดด ---
เสียงเปิดประตูระเบียงดังขึ้นมา โกคุเดระหันไปมองตามเสียง แล้วพบว่าเจ้าคนตัวสูงผมสั้นกำลังชะโงกหน้าออกไปมองที่ระเบียง แล้วยกมือข้างหนึ่งราวกับกำลังทักทายใครอยู่ “โย่ว...”
ไอ้รอยยิ้มสดชื่นบนใบหน้าที่ค่อยๆ แห้งลงนิดหน่อย พาให้ร่างเล็กรีบดีดตัวเองไปที่ระเบียง...
“...ฮิบาริ” เสียงที่เอ่ยชื่ออีกฝ่ายดังออกจากปากของเด็กหนุ่มนักกีฬาที่อัธยาศัยดีตามประสา “ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าข้างห้องนายคือฮิบาริน่ะ?” ยังหันหน้ามาถามคนที่ยืนจัดระบบใบหน้าตัวเองอยู่อีก
เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยเหลือบตามองคนผมเงินที่ไม่ตอบคำถามอะไร ค่อยกลับมามองคนที่ทักทายตนเอง แล้วหนังสือปกสีน้ำตาลในมือก็ปิดลงดัง พั่บ ก่อนที่ร่างโปร่งจะยืดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ญี่ปุ่นที่วางราบอยู่กับพื้น แล้วเดินเข้าไปในห้องของตน ตามด้วยเสียงประตูที่กระแทกดังจนคนที่ยืนมองอยู่เบ้หน้า
“เป็นอะไรของเขานะ?”
โกคุเดระกลอกตากับความไม่รู้ร้อนหนาวของยามาโมโตะ ริมฝีปากบางถูกกัดเข้าหากันเมื่อนึกถึงสายตาที่ถูกมองเมื่อครู่...ไม่รู้ มองไม่ออกหรอกว่าคนที่นิ่งแบบนั้นจะคิดอะไรอยู่
กรอบหน้าเรียวมุ่ยลงเมื่อภาพของเมื่อวานมันแล่นเข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติ
- - - - - - - - - - - - - -
ฝนที่มันตกหนักเริ่มจะซาเม็ดลงแล้ว
แต่ว่าใต้ร่มคันใหญ่ก็ยังคงมีคนสองคนเหมือนเดิม
คนที่ทำหน้าที่ถือร่มยู่คิ้วเข้าหากัน เมื่ออยู่ๆ ก็เกิดคำถามที่ว่า
‘เขากำลังจะเดินไปไหน?’
นับตั้งแต่เจอกับฮิบาริ เคียวยะ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะค่อยๆ ก้าวตามคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวไปเอง แต่ว่า...จะให้บอกว่าเป็นเพราะเจ้านี่คนเดียวมันก็ไม่ใช่หรอกน่า ! ก็...เมื่อข้างๆ ทางมันคือบรรยากาศที่เขาเดินผ่านทุกวันจนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ให้หลับตาเดินก็ยังทำได้หรอกน่า...ในเมื่อทางเส้นนี้มันคือทางที่จะกลับไปที่อพาร์ตเม้นต์ของเขาน่ะสิ
แต่ว่า...ทำไมเจ้าคนตัวสูงกว่าที่เดินนำหน้าอยู่หน่อยๆ ถึงเดินมาทางนี้ด้วย...แล้วทำไมเขาเพิ่งจะมาคิดได้เอาตอนนี้ล่ะเนี่ย ? เขาไม่ได้เป็นคนสมองช้าขนาดนั้นซะหน่อยนะเฟ่ยย !
“นี่...ฮิบาริ” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไป คนตรงหน้าไม่หยุดเดิน แต่ศีรษะที่ขยับเล็กน้อยก็พอจะเดาได้ว่าฟังอยู่ “...นายจะไปไหนเนี่ย?”
เสี้ยวหน้าที่โกคุเดระมองเห็นนั้นทำเหมือนกับชั่งใจว่าจะตอบดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็มีแค่ความเงียบที่เป็นคำตอบให้กับคนถามที่หน้าเริ่มหงิกลงเพราะความหงุดหงิดใจที่ถูกเมินเฉย
ปั๊ดโธ่ ! นี่มันใกล้ถึงที่พักเขาแล้ว...ถ้าจะไปไกลกว่านี้ก็เชิญเดินไปเองเลยเฟ่ยย เฮอะ
ตากลมมองสองข้างทาง ก่อนจะยกเท้าเลี้ยวขวาเมื่อเจอทางแยก แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อทางที่คนข้างหน้าเดินไปมันก็ไปทางขวาเช่นเดียวกัน...มันอาจจะเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้...ก็แค่บังเอิญ
เท้าสองคู่ยังก้าวไปในจังหวะที่สม่ำเสมอ คนที่เดินตามหลังอยู่เล็กน้อยขยับตัวขึ้นมาเดินให้อยู่ในระดับเดียวกับคนที่เปียกโชกไปทั้งตัวแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ...ใบหน้านิ่งๆ อยู่ใต้ดวงตาคมเรียวที่เหลือบมามองคนผมเงินเป็นระยะ แล้วก็ต้องพบกับใบหน้าขู่ฟ่อๆ เหมือนลูกแมวเพิ่งหัดแยกเขี้ยว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
...และที่น่าแปลกใจกว่านั้น คนตัวเล็กดูเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็เก็บมันเอาไว้ในลำคอ ทำหน้าตาแปลกประหลาดจนเขารู้สึกว่าต้องยกมือขึ้นมาถูจมูกเพราะอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่มันหลุดออกจากปากของโกคุเดระ ฮายาโตะถึงสามครั้ง...คำว่า ยิ้ม น่ะ
“เอ๋...?” เสียงร้องยาวที่ดังขึ้นมาเมื่อเขาหยุดเท้า พาให้ต้องหันกลับไปมอง ก็พบกับใบหน้าประหลาดใจ ดวงตากลมเบิกโตขึ้น แล้วริมฝีปากก็หยักยิ้มที่ไม่น่าจะเรียกได้เลยว่าคือรอยยิ้ม เหมือนกำลังฝืนหรือประชดเสียมากกว่า “อย่าบอกนะ...ว่านายอยู่ที่นี่น่ะ?”
สิ้นคำถาม ร่างสูงเองก็อดไม่ได้ที่จะชะงักลมหายใจไปชั่วครู่...คำถามแบบนี้แปลได้อย่างเดียวว่า...
“ไม่จริงน่า...” เสียงบ่นพึมพำดังอยู่ข้างๆ หู ร่างเล็กปั้นสีหน้าที่บอกไม่ได้ว่าดีใจหรือเสียใจกับเรื่อง ‘บังเอิญ’ ที่เกิดขึ้น....บังเอิญราวกับว่ามีใครจัดฉากแน่ะ ฮึ่ยย...!
โกคุเดระหุบร่มก่อนจะรีบก้าวเท้าขึ้นบันไดหนีไฟที่ใช้เป็นบันไดขึ้นลงในตัว แล้วสายตาก็เหลือบเห็นร่างโปร่งที่เดินตามขึ้นมา...ฮิบาริ เคียวยะ สองเท้าหยุดยืนตรงที่พักบันไดเพื่อเลี่ยงให้อีกฝ่ายไปก่อน...เขาไม่ได้กำลังคิดอยู่หรอกนะว่ามันจะบังเอิญอยู่ชั้นเดียวกันน่ะ...
คนที่โดนเลี่ยงทางให้ขมวดคิ้วน้อยๆ มองคนที่ทำตัวแปลกๆ ก่อนจะก้าวเท้าไปตามระเบียงทางเดินผ่านหน้าห้อง พาให้คนมองตามแทบสำลักไอฝนเสียตรงนั้น สองเท้าเล็กก้าวฉับๆ ไปยังหน้าห้องของตัวเอง...
...ในขณะที่มีร่างในเสื้อสีขาวเปียกโชกยืนเสียบกุญแจเข้ากับลูกบิดยืนอยู่ข้างๆ
นับตั้งแต่เจอกับฮิบาริ เคียวยะ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะค่อยๆ ก้าวตามคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวไปเอง แต่ว่า...จะให้บอกว่าเป็นเพราะเจ้านี่คนเดียวมันก็ไม่ใช่หรอกน่า ! ก็...เมื่อข้างๆ ทางมันคือบรรยากาศที่เขาเดินผ่านทุกวันจนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ให้หลับตาเดินก็ยังทำได้หรอกน่า...ในเมื่อทางเส้นนี้มันคือทางที่จะกลับไปที่อพาร์ตเม้นต์ของเขาน่ะสิ
แต่ว่า...ทำไมเจ้าคนตัวสูงกว่าที่เดินนำหน้าอยู่หน่อยๆ ถึงเดินมาทางนี้ด้วย...แล้วทำไมเขาเพิ่งจะมาคิดได้เอาตอนนี้ล่ะเนี่ย ? เขาไม่ได้เป็นคนสมองช้าขนาดนั้นซะหน่อยนะเฟ่ยย !
“นี่...ฮิบาริ” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไป คนตรงหน้าไม่หยุดเดิน แต่ศีรษะที่ขยับเล็กน้อยก็พอจะเดาได้ว่าฟังอยู่ “...นายจะไปไหนเนี่ย?”
เสี้ยวหน้าที่โกคุเดระมองเห็นนั้นทำเหมือนกับชั่งใจว่าจะตอบดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็มีแค่ความเงียบที่เป็นคำตอบให้กับคนถามที่หน้าเริ่มหงิกลงเพราะความหงุดหงิดใจที่ถูกเมินเฉย
ปั๊ดโธ่ ! นี่มันใกล้ถึงที่พักเขาแล้ว...ถ้าจะไปไกลกว่านี้ก็เชิญเดินไปเองเลยเฟ่ยย เฮอะ
ตากลมมองสองข้างทาง ก่อนจะยกเท้าเลี้ยวขวาเมื่อเจอทางแยก แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อทางที่คนข้างหน้าเดินไปมันก็ไปทางขวาเช่นเดียวกัน...มันอาจจะเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้...ก็แค่บังเอิญ
เท้าสองคู่ยังก้าวไปในจังหวะที่สม่ำเสมอ คนที่เดินตามหลังอยู่เล็กน้อยขยับตัวขึ้นมาเดินให้อยู่ในระดับเดียวกับคนที่เปียกโชกไปทั้งตัวแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ...ใบหน้านิ่งๆ อยู่ใต้ดวงตาคมเรียวที่เหลือบมามองคนผมเงินเป็นระยะ แล้วก็ต้องพบกับใบหน้าขู่ฟ่อๆ เหมือนลูกแมวเพิ่งหัดแยกเขี้ยว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
...และที่น่าแปลกใจกว่านั้น คนตัวเล็กดูเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็เก็บมันเอาไว้ในลำคอ ทำหน้าตาแปลกประหลาดจนเขารู้สึกว่าต้องยกมือขึ้นมาถูจมูกเพราะอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่มันหลุดออกจากปากของโกคุเดระ ฮายาโตะถึงสามครั้ง...คำว่า ยิ้ม น่ะ
“เอ๋...?” เสียงร้องยาวที่ดังขึ้นมาเมื่อเขาหยุดเท้า พาให้ต้องหันกลับไปมอง ก็พบกับใบหน้าประหลาดใจ ดวงตากลมเบิกโตขึ้น แล้วริมฝีปากก็หยักยิ้มที่ไม่น่าจะเรียกได้เลยว่าคือรอยยิ้ม เหมือนกำลังฝืนหรือประชดเสียมากกว่า “อย่าบอกนะ...ว่านายอยู่ที่นี่น่ะ?”
สิ้นคำถาม ร่างสูงเองก็อดไม่ได้ที่จะชะงักลมหายใจไปชั่วครู่...คำถามแบบนี้แปลได้อย่างเดียวว่า...
“ไม่จริงน่า...” เสียงบ่นพึมพำดังอยู่ข้างๆ หู ร่างเล็กปั้นสีหน้าที่บอกไม่ได้ว่าดีใจหรือเสียใจกับเรื่อง ‘บังเอิญ’ ที่เกิดขึ้น....บังเอิญราวกับว่ามีใครจัดฉากแน่ะ ฮึ่ยย...!
โกคุเดระหุบร่มก่อนจะรีบก้าวเท้าขึ้นบันไดหนีไฟที่ใช้เป็นบันไดขึ้นลงในตัว แล้วสายตาก็เหลือบเห็นร่างโปร่งที่เดินตามขึ้นมา...ฮิบาริ เคียวยะ สองเท้าหยุดยืนตรงที่พักบันไดเพื่อเลี่ยงให้อีกฝ่ายไปก่อน...เขาไม่ได้กำลังคิดอยู่หรอกนะว่ามันจะบังเอิญอยู่ชั้นเดียวกันน่ะ...
คนที่โดนเลี่ยงทางให้ขมวดคิ้วน้อยๆ มองคนที่ทำตัวแปลกๆ ก่อนจะก้าวเท้าไปตามระเบียงทางเดินผ่านหน้าห้อง พาให้คนมองตามแทบสำลักไอฝนเสียตรงนั้น สองเท้าเล็กก้าวฉับๆ ไปยังหน้าห้องของตัวเอง...
...ในขณะที่มีร่างในเสื้อสีขาวเปียกโชกยืนเสียบกุญแจเข้ากับลูกบิดยืนอยู่ข้างๆ
- - - - - - - - - - - - - -
“เออนี่
เมื่อวานนายได้โทร.หาฉันรึเปล่าอ่ะ ? เหมือนว่าเบอร์นายขึ้น
แต่ฉันรับไม่ทัน พอโทร.กลับไปก็ไม่ติด”
ยามาโมโตะเปลี่ยนเรื่องถามเมื่อเห็นใบหน้ามู่ทู่ของอีกฝ่าย...ไม่ใช่ว่าทะเลาะกับคนข้างห้องอย่างฮิบาริเหรอ
? เอ...แต่ว่าถ้าทะเลาะกันจริงๆ
ตอนอยู่โรงเรียนก็น่าจะมีเรื่องกันไปแล้วสิ
ไม่สิ...มันต้องมีเรื่องตั้งแต่เมื่อกี๊ต่างหาก
“หะ...อ่อ...” คนถูกถามปั้นสีหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้จะทำไม่ได้ก็ตามที หัวค่อยๆ ประมวลผลคำพูดของอีกคนอย่างช้าๆ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ก็เหมือนว่าอารมณ์จะกลับคืนมาอีกครั้ง “เออเซ่ะ ! ฉันโทร.ไปหานายทำไมไม่รับฟระ!!”
จะบอกให้มารับ...แต่เพราะโทร.ไม่ติดเลยต้องเดินกลับกับร่มสีดำ
“แล้วแกรู้มั้ย การที่ไม่รับโทรศัพท์ฉัน มันทำให้ฉันต้องพลาดโอกาส...ไปอีกปีน่ะ ฮึ่ยย !!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่มันก็เจือไปด้วยความเหงาที่ยังครุอยู่ในหัวใจ “เฮอะ แต่ช่างมันเถอะ ฉันไม่ได้คิดจะทำจริงจังหรอกน่า...” พูดโดยไม่ยอมสบตาคู่สนทนา ขบริมฝีปากตัวเองเบาๆ แล้วทำหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็ทำย้อนหลังก็ได้นา ฉันว่...า....”
“ช่างมันเหอะน่า...มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหนาหรอก...” ส่งเสียงปัดรำคาญกับคำเสนอแนะจากคนที่ยืนอยู่ ร่างเล็กเดินไปนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นไปชะโงกหน้ามองนอกระเบียง ที่พาให้คนมองอย่างคนเป็นนักกีฬาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
ถ้าอารมณ์จะเปลี่ยนเร็วพอๆ กับความคิดขนาดนี้ละก็นะ...
โกคุเดระย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าประตูระเบียงของห้องข้างๆ นั้นถูกม่านสีเข้มรูดปิดเอาไว้ เขาไม่ได้จะคิดหรอกนะ...ว่าคนในห้องนั้นจะอยู่ในห้องมืดๆ อย่างงั้นเหรอ ? คนที่ดูมากับความมืดแบบนั้น...
ปัง !!
เสียงกระแทกประตูดังขึ้นเรียกให้คนที่เหม่อสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหันไปขมวดคิ้วกับอีกคนที่อยู่ในห้องแล้วยกมือขึ้นเป็นการ์ดว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง แล้วมือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นโบ้ยไปทางห้องด้านขวามือที่เป็นต้นเสียง
คนผมเงินเดินไปเปิดประตูมองสิ่งที่เกิดกับห้องข้างๆ โดยที่มียามาโมโตะเดินตามอยู่ข้างหลัง ตั้งแต่เขาอยู่ที่นี่มา ไม่มีสักครั้งที่เจ้านั่นจะส่งเสียงดังให้น่าหาเรื่องแบบนี้...ว่าแต่ กำลังจะเดินไปไหน ? ข้างนอกฝนก็ยังตกอยู่ ไม่ใช่แค่ปรอยๆ แบบตอนแรกเสียด้วย...
ร่มก็ไม่พกไป...
“อะไรหว่า...” คนตัวสูงพึมพำแล้วเกาคางตัวเองอย่างงงๆ แล้วมองตามโกคุเดระที่เดินส่ายหน้าบ่นอะไรสักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่องเข้าไปตรงที่มีถังพักร่มวางเอาไว้ “เอ๋...เฮ้ นายไปจะไปไหนน่ะ โกคุเด...” ยังถามไม่ทันจะหมดคำดี ยามาโมโตะก็ถูกมือเล็กฟาดให้หลบทางก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความเร็ว
ในมือนั้นถือร่มสีดำอยู่
ร่างสูงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ตกลงว่าเขากำลังจะเข้าใจในสิ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอยู่ใช่มั้ยเนี่ย ?
“เฮ้ยย !!” คนผมเงินกระชากเสียงเรียกคนที่เดินลิ่ว นำหน้าไปราวกับกำลังเดินไล่อะไรอยู่งั้นแหละ แรงลมที่พัดพาให้เม็ดฝนสาดหน้าที่มุ่ยลงเรื่อยๆ เมื่อคนในชุดสีดำเข้มไม่ยอมหันหน้ามาเสียที “ไอ้บ้าฮิบาริ เคียวยะเว้ยย!”
ไม่เรียกเปล่า ครั้งนี้คนตัวเล็กยังวิ่งเข้าไปแล้วใช้มือกระชากแขนที่เกร็งแน่นของอีกฝ่ายให้หยุดเดิน
ฮิบาริหันกลับมองคนที่หยุดตัวเอง ใบหน้ารูปไข่ที่เปียกฝนกำลังยับย่นเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ได้ของเล่น ริมฝีปากอิ่มกัดด้วยฟันจนแทบจะห้อเลือดอยู่แล้ว แล้วใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เขาแทน “หูหนวกรึไงฟระ เรียกถึงไม่หยุดน่ะ !!”
ตะคอกเสียงใส่ด้วยความโมโห...มันบ้าบอชัดๆ เลย....เขานี่แหละ...บ้าเอ๊ยย !! ทำไมจะต้องเดินตามมันมาด้วยวะ
“แล้วตาบอดไม่เห็นรึไงว่าฝนตก ถึงไม่เอาร่มมาด้วยน่ะ !” ใส่อารมณ์ไปกับน้ำเสียง มือก็กระแทกร่มยัดใส่มือของอีกฝ่ายที่ตัวเองเป็นคนจับแขนเอาไว้แน่น จับไม่แน่นเดี๋ยววิ่งหลุดไป !
“หึ...” ครั้งนี้อดไม่ได้ที่ฮิบาริจะหัวเราะในลำคอขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วเงียบเสียงไปเมื่อมองคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างเต็มที่...น้ำฝนไม่ได้จะช่วยดับอารมณ์ร้อนๆ ของเจ้าตัวเล็กนี่ได้เลยสินะ
“จะหัวเราะ จะยิ้มหาอะไรฟระ !!!!” ตะเบ็งเสียงอย่างอดรนทนไม่ไหว ...เขาไม่เห็นหรอกว่าคนตรงหน้ามันจะยิ้มตรงไหน ก็มีแต่หน้านิ่งๆ เหมือนเดิม...เขามองไม่เห็นหรอก....เขาไม่เห็นรอยยิ้มของเจ้ากรรมการระเบียบนี่เลยสักนิด
คนในชุดสีดำปลดสายร่มก่อนจะดีดมันให้กางออกมา แล้วยกขึ้นสูงคลุมร่างกายของเขาและคนตรงหน้า...คิดอะไรอยู่นะถึงได้วิ่งออกมากลางฝนแบบนี้ ทั้งที่ร่มก็อยู่ในมือแต่ไม่ยอมกางซะอย่างนั้น
“...มีร่มอยู่ในมือ แต่ไม่กาง” ร่างโปร่งพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอจะให้คนใต้เงาร่มได้ยินอย่างชัดเจน และมันก็พาให้กรอบหน้าหวานมุ่ยลง กำลังจะแทรกกลับไปว่า เป็นเพราะใครกันเล่า ...แต่ว่า...เพราะใครกัน ?
...ไม่มีทางหรอกน่าที่เขาจะยอมตากฝนเพราะฮิบาริ...
บ้าจริง...
ไม่สิ...มันต้องมีเรื่องตั้งแต่เมื่อกี๊ต่างหาก
“หะ...อ่อ...” คนถูกถามปั้นสีหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้จะทำไม่ได้ก็ตามที หัวค่อยๆ ประมวลผลคำพูดของอีกคนอย่างช้าๆ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ก็เหมือนว่าอารมณ์จะกลับคืนมาอีกครั้ง “เออเซ่ะ ! ฉันโทร.ไปหานายทำไมไม่รับฟระ!!”
จะบอกให้มารับ...แต่เพราะโทร.ไม่ติดเลยต้องเดินกลับกับร่มสีดำ
“แล้วแกรู้มั้ย การที่ไม่รับโทรศัพท์ฉัน มันทำให้ฉันต้องพลาดโอกาส...ไปอีกปีน่ะ ฮึ่ยย !!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่มันก็เจือไปด้วยความเหงาที่ยังครุอยู่ในหัวใจ “เฮอะ แต่ช่างมันเถอะ ฉันไม่ได้คิดจะทำจริงจังหรอกน่า...” พูดโดยไม่ยอมสบตาคู่สนทนา ขบริมฝีปากตัวเองเบาๆ แล้วทำหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็ทำย้อนหลังก็ได้นา ฉันว่...า....”
“ช่างมันเหอะน่า...มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหนาหรอก...” ส่งเสียงปัดรำคาญกับคำเสนอแนะจากคนที่ยืนอยู่ ร่างเล็กเดินไปนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นไปชะโงกหน้ามองนอกระเบียง ที่พาให้คนมองอย่างคนเป็นนักกีฬาหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
ถ้าอารมณ์จะเปลี่ยนเร็วพอๆ กับความคิดขนาดนี้ละก็นะ...
โกคุเดระย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าประตูระเบียงของห้องข้างๆ นั้นถูกม่านสีเข้มรูดปิดเอาไว้ เขาไม่ได้จะคิดหรอกนะ...ว่าคนในห้องนั้นจะอยู่ในห้องมืดๆ อย่างงั้นเหรอ ? คนที่ดูมากับความมืดแบบนั้น...
ปัง !!
เสียงกระแทกประตูดังขึ้นเรียกให้คนที่เหม่อสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะหันไปขมวดคิ้วกับอีกคนที่อยู่ในห้องแล้วยกมือขึ้นเป็นการ์ดว่าไม่เกี่ยวกับตนเอง แล้วมือข้างหนึ่งก็ยกขึ้นโบ้ยไปทางห้องด้านขวามือที่เป็นต้นเสียง
คนผมเงินเดินไปเปิดประตูมองสิ่งที่เกิดกับห้องข้างๆ โดยที่มียามาโมโตะเดินตามอยู่ข้างหลัง ตั้งแต่เขาอยู่ที่นี่มา ไม่มีสักครั้งที่เจ้านั่นจะส่งเสียงดังให้น่าหาเรื่องแบบนี้...ว่าแต่ กำลังจะเดินไปไหน ? ข้างนอกฝนก็ยังตกอยู่ ไม่ใช่แค่ปรอยๆ แบบตอนแรกเสียด้วย...
ร่มก็ไม่พกไป...
“อะไรหว่า...” คนตัวสูงพึมพำแล้วเกาคางตัวเองอย่างงงๆ แล้วมองตามโกคุเดระที่เดินส่ายหน้าบ่นอะไรสักอย่างที่ฟังไม่รู้เรื่องเข้าไปตรงที่มีถังพักร่มวางเอาไว้ “เอ๋...เฮ้ นายไปจะไปไหนน่ะ โกคุเด...” ยังถามไม่ทันจะหมดคำดี ยามาโมโตะก็ถูกมือเล็กฟาดให้หลบทางก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความเร็ว
ในมือนั้นถือร่มสีดำอยู่
ร่างสูงหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ตกลงว่าเขากำลังจะเข้าใจในสิ่งที่เขาไม่รู้เรื่องอยู่ใช่มั้ยเนี่ย ?
“เฮ้ยย !!” คนผมเงินกระชากเสียงเรียกคนที่เดินลิ่ว นำหน้าไปราวกับกำลังเดินไล่อะไรอยู่งั้นแหละ แรงลมที่พัดพาให้เม็ดฝนสาดหน้าที่มุ่ยลงเรื่อยๆ เมื่อคนในชุดสีดำเข้มไม่ยอมหันหน้ามาเสียที “ไอ้บ้าฮิบาริ เคียวยะเว้ยย!”
ไม่เรียกเปล่า ครั้งนี้คนตัวเล็กยังวิ่งเข้าไปแล้วใช้มือกระชากแขนที่เกร็งแน่นของอีกฝ่ายให้หยุดเดิน
ฮิบาริหันกลับมองคนที่หยุดตัวเอง ใบหน้ารูปไข่ที่เปียกฝนกำลังยับย่นเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ได้ของเล่น ริมฝีปากอิ่มกัดด้วยฟันจนแทบจะห้อเลือดอยู่แล้ว แล้วใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เขาแทน “หูหนวกรึไงฟระ เรียกถึงไม่หยุดน่ะ !!”
ตะคอกเสียงใส่ด้วยความโมโห...มันบ้าบอชัดๆ เลย....เขานี่แหละ...บ้าเอ๊ยย !! ทำไมจะต้องเดินตามมันมาด้วยวะ
“แล้วตาบอดไม่เห็นรึไงว่าฝนตก ถึงไม่เอาร่มมาด้วยน่ะ !” ใส่อารมณ์ไปกับน้ำเสียง มือก็กระแทกร่มยัดใส่มือของอีกฝ่ายที่ตัวเองเป็นคนจับแขนเอาไว้แน่น จับไม่แน่นเดี๋ยววิ่งหลุดไป !
“หึ...” ครั้งนี้อดไม่ได้ที่ฮิบาริจะหัวเราะในลำคอขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วเงียบเสียงไปเมื่อมองคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างเต็มที่...น้ำฝนไม่ได้จะช่วยดับอารมณ์ร้อนๆ ของเจ้าตัวเล็กนี่ได้เลยสินะ
“จะหัวเราะ จะยิ้มหาอะไรฟระ !!!!” ตะเบ็งเสียงอย่างอดรนทนไม่ไหว ...เขาไม่เห็นหรอกว่าคนตรงหน้ามันจะยิ้มตรงไหน ก็มีแต่หน้านิ่งๆ เหมือนเดิม...เขามองไม่เห็นหรอก....เขาไม่เห็นรอยยิ้มของเจ้ากรรมการระเบียบนี่เลยสักนิด
คนในชุดสีดำปลดสายร่มก่อนจะดีดมันให้กางออกมา แล้วยกขึ้นสูงคลุมร่างกายของเขาและคนตรงหน้า...คิดอะไรอยู่นะถึงได้วิ่งออกมากลางฝนแบบนี้ ทั้งที่ร่มก็อยู่ในมือแต่ไม่ยอมกางซะอย่างนั้น
“...มีร่มอยู่ในมือ แต่ไม่กาง” ร่างโปร่งพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอจะให้คนใต้เงาร่มได้ยินอย่างชัดเจน และมันก็พาให้กรอบหน้าหวานมุ่ยลง กำลังจะแทรกกลับไปว่า เป็นเพราะใครกันเล่า ...แต่ว่า...เพราะใครกัน ?
...ไม่มีทางหรอกน่าที่เขาจะยอมตากฝนเพราะฮิบาริ...
บ้าจริง...
เมื่อไรที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย
ไม่เป็นตัวเอง ไม่เหมือนเคย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น