(SF) KHR: There's no tomorrow - 1859TYL

Title: There’s no tomorrow
Paring: 1859 TYL (Hibari * Gokudera)
Author: Devilz79
Rate: NC-13
Summary: Just say it, like there’s no tomorrow
Related link:
- There's no tomorrow 2769  :: Click

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เสียงครางหวานยามราตรี กับร่างกายชุ่มชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ สองร่างทาบทับกันผ่านแสงเทียนจนเกิดเป็นเงาสะท้อนออกไปยังผนังด้านตรงข้าม แขนยาวกระชับคนตัวบางมาไว้ในร่างกาย จุมพิตหวานมอบให้อย่างไม่รู้เบื่อซ้ำๆ จนริมฝีปากเป็นรอยแดงช้ำเหมือนลูกเชอร์รี่


ชวนให้น่ารับประทาน...


“ฮะ...ฮิบาริ...” ชื่อของคนที่อยู่ข้างบนหลุดรอดออกจากริมฝีปากเล็ก ซึ่งถูกกลีบปากอุ่นไล้เลียอีกครา สองมือพยายามจะผลักไสออก แต่ก็ไม่อาจทำได้ เนตรเขียวปรือลงแล้วดำดิ่งลงในสัมผัสวาบหวามที่ได้รับมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ...สำหรับค่ำคืนนี้


แขนเล็กตระกองกอดคอแข็งให้โน้มมาหาตน เนื้อกายแนบกันอย่างใกล้ชิดคล้ายจะหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว ผิดแผกที่จู่ๆ คนตัวเล็กก็ลืมตาแล้วถอนจูบออกเสียเอง สองมือเกร็งแล้วดันคนตรงหน้าให้ออกไปเสียที


“อะไร...” เสียงเย็นชาเอ่ยถามด้วยความไม่ใคร่พอใจสักเท่าไร ดวงเนตรคมจ้องมองร่างเล็กตรงหน้าราวกับจะกลืนกินเข้าไป


“มันเป็นคำถาม...ของฉันต่างหาก” เถียงเสียงขุ่นขวัก “อ๊ะ...อย่านะ” ร้องปรามเมื่อร่างสูงไม่ฟังเสียงเขาสักนิด หน้าคมก้มลงแล้วฝังข้างลำคอขาว สองมือไล้เนื้อตัวที่เปรอะด้วยของเหลวสีขาวขุ่น เจือด้วยของเหลวสีแดงเข้มปะปนมาบ้าง


ฮิบาริเพิกเฉยต่อคำร้องห้าม ลิ้นหนาลามเลียต้นคอแล้วฝังรอยช้ำลงไป พาลให้คนโดนกระทำร้องออกมาด้วยความเจ็บ ริมฝีปากซนยังไล่ขึ้นมาเรื่อยจนถึงแก้มใสที่เป็นสีแดงเรื่อด้วยพิษของความ ร้อน...ความร้อนของร่างกายยามสัมผัสกัน


“ฮะ...ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ ป เป็นอะไร...วะเนี่ย!!” กลั้นใจแหกปากออกมา กลืนเสียงครางลงในลำคออย่างยากลำบาก


“ใคร?” เนตรคู่คมละขึ้นมามองแล้วถาม ดวงตาเรียวแบบนั้นไม่อาจจะตอบได้ว่าเจ้าของกำลังรู้สึกเช่นไร หรือกำลังคิดจะทำอะไร หรือแม้แต่ปิดบังสิ่งใดเอาไว้


“แกน่ะสิ!”


‘แก’ ในความหมายของโกคุเดระทำหน้าบึ้งกว่าเดิมเพราะคำสรรพนามนั้นไม่เป็นที่พอใจ สักเท่าไร แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ในเมื่อเป้าหมายของเขาในคืนนี้ไม่ใช่เรื่องของการเรียกแทนตัวเสียหน่อย


“เป็นอะไรไป ทำไมถึงได้....” โกคุเดระเลือกเก็บคำพูดต่อมาเอาไว้ในใจ เพราะแค่คิดก็รู้สึกว่าจะร้อนไปทั้งตัวเสียแล้ว อีกทั้งหากพูดออกไป เชื่อว่าชั่วชีวิตคงไม่ได้แก่ตายแน่ๆ


ฮิบาริตีหน้านิ่ง “ถึงได้อะไร?”


คนโดนถามกลับเบิกตากว้าง นึกอยากจะคว้าทอนฟาของเจ้าตัวออกมาฟาดกะโหลกแข็งๆสักป้าบให้สมใจอยาก การถามแบบนี้...ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งกันชนิดหนึ่งเลยนี่หว่า ถามมาแบบนี้....ไม่ตอบให้เสียเซลฟ์หรอก


ร่างเล็กห่อปาก พยายามกับการเชิดหน้าหนีคนถาม แต่การที่ร่างกายตกอยู่ภายใต้การครอบครองของฮิบารินั้น ย่อมไม่อาจแสดงอาการเช่นนั้นได้แน่นอน


“นี่ ฮายาโตะ...” เสียงเรียกเย็นๆ พร้อมกับมือเรียวแตะที่แก้มขาว เป็นเหตุให้เจ้าของชื่อหันมามองด้วยสายตานิ่งๆ “เรียกชื่อฉันหน่อยสิ”


“....” คำขอร้องที่แปลกๆ พาให้โกคุเดระเลิกคิ้ว อ้าปากค้างด้วยความงง อยากจะถามอะไรออกไป...แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามว่าอะไรดี จนโดนสายตาที่แฝงไปด้วยรังสีของความไม่พอใจขนาดย่อมๆ เสียงเล็กที่ขาดช่วงเอ่ยออกมาอย่างยากลำบากยิ่งกว่าถูกเค้นคอเสียอีก


“ค...เคียวยะ”


ลมหายใจผ่อนๆของคนตรงหน้า พาให้ใจของโกคุเดระชื้นขึ้นมากกว่าเดิม เนตรคมจ้องมองลงมาด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเดิม สองแขนแกร่งโอบรอบลำตัวเล็ก ดึงเข้ามากอดแนบตัวเองเอาไว้ กระซิบแผ่วเบาข้างหู...





“ลุกไม่ไหวงั้นเหรอ?” เสียงคำถามเรียบๆ ไม่ทราบว่าเป็นห่วงจริง หรือถามไปอย่างงั้น ออกมาจากปากของฮิบาริในชุดยูคาตะที่นั่งป้อ จ้องมองร่างกายเปลือยเปล่าโดยมียูคาตะอีกตัวคลุมอยู่เท่านั้น


เนตรเขียวสะบัดมองอย่างนึกอารมณ์เสีย “เพราะใครกันเล่า...” สบถงึมงำในลำคออย่างนึกโกรธ ทำไมเขาจะต้องมาเป็นฝ่ายลุกไม่ขึ้นด้วยนะ!!


“พูดมากน่า...”


“มันเรื่องของฉัน อ๊ะ!” ครวญออกมาเมื่อพยายามจะเด้งตัวลุกขึ้นมาเถียงกับคนผมดำให้รู้ขาวรู้เขียวไปข้างหนึ่ง แต่แค่ยกตัว ความปวดที่แล่นขึ้นมาจับสันหลัง


ฮิบาริส่ายหน้าอย่างนึกเอือมระอากับความเอาแต่ใจไม่รู้จักโตของโกคุเดระ มือแกร่งช้อนคนตัวบางที่ส่งเสียงวายวายขึ้นมานอนบนตัก แต่ถึงอย่างนั้นเสียงบ่นน่ารำคาญก็ยังไม่ยอมหยุดเสียที สองมือที่ประคองร่างให้อยู่นิ่งนึกอยากจะปล่อยให้ตกตักไปกระแทกกับพื้นเสื่อ ให้เจ็บเล่นสักที แต่นึกไป...มันก็ไม่ได้ทำให้คนขี้บ่นหยุดพูดได้


“มันเจ็บนะ...”


ร่างสูงปล่อยมือข้างหนึ่งออก พาลให้การทรงตัวในท่านอนของร่างเล็กเกือบจะหมดลง สองมือบางจึงจำต้องคว้าคอยูคาตะมายึดไว้กันตก แผ่นอกกว้างเผยให้เห็นรอยแดงจ้ำทั่วเสียจนน่ากลัว


แต่นั่น...กลับทำให้ร่างบางหน้าแดงเป็นปื้น


“อะไร...ก็ฝีมือแกทั้งนั้นไม่ใช่รึไง” พูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง ประหนึ่งไฟดับ หรือยาสีฟันที่บ้านหมด ไม่ได้สนใจผู้ฟังเลยว่าเขาเขินอายไปถึงไหนต่อไหน


“หุบปาก”


ฮิบาริเบ้หน้า ก่อนจะยกมือข้างที่ว่างกระชับยูคาตะตัวเล็กให้คลุมไหล่ขาวเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้จะเป็นเพียงแมลงก็ใช่ว่าเขาจะต้องพอใจให้มาเชยชมร่างกายนี้นี่


เขาไม่อยากให้ใครสักคนมาเห็นร่างกายนี้ นอกเสียจากตัวเขาเท่านั้น


แม้ร่างเล็กจะแอบประหลาดใจกับการกระทำ ‘ดี’ ของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรออกไป เว้นแต่คำถามที่มันติดอยู่ในใจมาตั้งแต่เริ่มเรื่อง


“ว่าแต่นายเถอะ ทำไมถึง...?” โกคุเดระถามออกมาแบบคั่งค้าง เขารู้ว่าฮิบาริรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร แต่แค่ทำเป็นแกล้งโง่ให้เขาพูดออกมาอย่างนั้นน่ะเหรอ ฝันไปเถอะว่าเขาจะพูดน่ะ


ร่างสูงก้มมองคนในอ้อมแขนก่อนจะกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น “อยาก” เท่านั้น คำตอบมีแค่นี้


“ไอ้บ้าเอ๊ย!!” โกคุเดระสบถเสียงดัง ยกแขนจะฟาดลงบนอกแกร่ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออาการปวดแล่นริ้วอีกครา ใบหน้าขาวนิ่วราวกับโกรธจนถึงขันขีดสุด


เขากำลังหวังคำพูด...จากไอ้คนปากหนักเหรอ?


เปล่า...


ร่างเล็กปฏิเสธตัวเองในใจ ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ออกจากคนที่กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเรื่อยๆ อ้อมกอดที่เขารู้สึกถึงความกลัว ความเหงาที่ส่งผ่านผ่ามือคู่หนานั่นมา


...เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับได้ว่าฮิบาริกำลังกลัวอะไรบางอย่าง บางอย่างที่มันมีตัวเขาเกี่ยวข้องด้วย


“ฮายาโตะ...” เสียงเบาๆเรียกขึ้น พาให้การดิ้นรนเพียงฝ่ายเดียวหยุดลงด้วย นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มใส ดวงตาคมจ้องมองลงมาด้วยแววที่ผิดไปจากเดิม


แววตาที่ไม่ค่อยจะได้เจอนัก...


“อะไร” แม้เสียงจะอ่อนลง แต่ก็ยังทิ้งซึ่งลักษณะนิสัยของผู้พูด


“นายว่าอนาคตมีจริงมั้ย?” สิ้นประโยคคำถาม เนตรเขียวปรากฏแววสงสัยขึ้นอีกรอบ คำถามจิตวิทยารึเปล่าเนี่ย? หรือจะมาวัดปัญญา IQ เขากันล่ะ?


ไม่มีคำตอบจากคนผมเงิน นั่นเพราะเขาไม่รู้ถึงความต้องการของฮิบาริ ที่ดูแปลกในความรู้สึก


“ถ้าอนาคตมันเปลี่ยนได้ นายอยากจะเปลี่ยนมันมั้ย?” คำถามพาให้น่าสับสน ...เขามีแต่คนอยากจะเปลี่ยนอดีต แต่ทำไมผู้พิทักษ์แห่งเมฆาจะต้องอยากเปลี่ยนอนาคตด้วย? มีอย่างที่ไหนกัน


“เป็นอะไรเนี่ย?”


ไหล่หนาไหวปฏิเสธ “เปล่า” คำตอบสั้นๆ แต่กลับแฝงไปด้วยคำตอบมากมายจนคนฟังไม่รู้ว่าสมควรจะเดาว่าเป็นคำตอบไหนดี เพียงแต่เขากลับรู้สึกแปลกๆกับผู้ชายตรงหน้า


ฮิบาริ เคียวยะ...


คนที่มักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสมอไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ตอนนี้กลับมีเขาอยู่เคียงข้างในฐานะใดสักฐานะ แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งเขาและฮิบาริยัง ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร แต่ก็จะมีนิสัยบางอย่างเช่นชอบอยู่คนเดียวเหมือนกัน เลยทำให้พอมองออกว่าตอนนี้คงจะมีอะไรในใจ ที่ไม่อยากจะพูดอยู่


และเขา...ก็ไม่ใช่คนที่มีสิทธิ์จะถาม หากฝ่ายนั้นไม่บอกออกมาเอง


สองแขนเล็กยกขึ้นโอบรอบคอคนผมดำ ริมฝีปากนุ่มช้ำประกบลงบนกลีบปากที่สงบนิ่งไม่มีคำพูดใดๆไหลออกมา เอนลำตัวทาบทับร่างสูงให้นอนลงบนเสื่อชั้นดี


“ฉันรักนายนะ...”


มันจะเป็นเพียงคำเดียวที่เขาพูดได้ แต่ก็ไม่รู้ ว่าอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดมัน





“โอ๊ย!!” เสียงร้องดังยามพลิกตัว พาให้เจ้าของร่างต้องตื่นขึ้นมาแต่หัววัน ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาอันสมควรจะตื่นเสียหน่อย มือเล็กดึงผ้าห่มมาคลุมลำตัวเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หลับอยู่ดี


ดังนั้นโกคุเดระจึงสละผ้าห่มลง ก่อนจะก้มมองตัวเองด้วยแปลกใจ


ไม่รู้เมื่อคืนหลับไปเมื่อไร แต่ที่แน่ๆ เขาไม่บ้าอาบน้ำตอนกลางดึกขนาดนั้นหรอก แล้วทำไมเครื่องแต่งตัวและสภาพเขาถึงดูเหมือนคนอาบน้ำเลยแฮะ


อยากจะคิดเหมือนกันว่าเป็นฝีมือของคนคนนั้น แต่โอกาสก็ช่างน้อยเหลือเกิน


“โอ๊ะ...” เพียงคิดถึงความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมาอีกครั้ง ร่างเล็กขบฟันพลางนึกก่นด่าฮิบาริไปพลาง ถ้าเพราะเจ้านั่นไม่ทำตัวแบบนั้น เขาคงไม่โอนอ่อนจนเกิดเรื่องอย่างว่าอีกรอบหรอกน่า


เนตรสีเขียวเหลือบมองของรอบตัวก็พบยาแก้ปวดหนึ่งเม็ดวางเคียงข้างเหยือกน้ำ พร้อมแก้วใส รอยยิ้มบางประทับบนใบหน้าซีดเซียว ก่อนเจ้าตัวจะคว้ายาโยนใส่ปากแล้วกลืนน้ำตาม


แม้อาการปวดจะไม่บรรเทาไปในทันที แต่ความรู้สึกดีก็ป้ายเต็มไปในหัวใจ


ตาคู่กลมพยายามเหลือบมองหาต้นตอของยาแก้ปวดเม็ดนี้ แต่ก็ต้องแป้วเมื่อไม่มีร่องรอยของฮิบาริอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ที่นอนข้างกายเรียบสนิท ผ้าห่มผืนหนาพับอย่างเรียบร้อยไว้ตรงปลายเท้า


“ออกไปไหนนะ?” ถามตัวเองอย่างงุนงง ก่อนร่างเล็กจะยืดตัวลุกขึ้นมา ประคองตัวเองไปยังห้องอาบน้ำส่วนตัวในห้องของฮิบาริที่เขาค่อนข้างจะคุ้นเคย ก่อนจะจัดแจงแต่งตัวให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยที่สุด รอยจ้ำแดงตรงต้นคอถูกทาทับด้วยครีมที่ตระเตรียมไว้หน้ากระจก


คล้ายจะรู้แน่ะ...


โกคุเดระเช็คสภาพตัวเองอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกสังหรณ์ในใจอย่างบอกไม่ถูก แต่อย่างฮิบาริคงจะไปไหนได้ไม่ไกลสักเท่าไรหรอกมั๊ง


ร่างเล็กเดินออกจากตัวเรือนรับรอง สองตากวาดมองรอบตัวอย่างนึกสงสัย...เงียบเกินไปแล้ว ไม่มีเสียงร้องโวยวายบ้าบอของเจ้านกตัวกลมขนฟูนั่น ไม่มีเสียงของคุซาคาเบะอย่างที่ควรจะเป็น แล้วยิ่ง...ไม่มีแม้แต่เงาของฮิบาริด้วยซ้ำ


คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างนึกสงสัย ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่ฐานทัพวองโกเล่ เผื่อเจ้านั่นอาจจะไม่คุยเรื่องภารกิจอะไรก็ได้ แม้ความปวดจะยังคั่งค้างอยู่ แต่เท้ายาวกลับไม่ได้ชะลอเพื่อลดความเจ็บปวดบ้างเลย ก้าวอย่างกระชั้นด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


ไอ้บ้าเคียวยะ...


คอยดู...ถ้าเจอเขาจะขอบอมบ์ใส่สักตั้ง ข้อหาทำตัวเงียบหายไปอย่างน่าฆ่านัก





สองเท้ารีบก้าวจ้ำพรวดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถามยามะโมโตะแล้วได้ใจความว่าไม่มีใครสักคนของกรรมการรักษาระเบียบผ่านมาในตัวฐานทัพสักคน


...ขอให้รุ่นที่สิบตอบคำถามเขาได้ทีเถอะ


ความใจร้อนของโกคุเดระยิ่งพาให้ขาก้าวเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ในที่สุดสองเท้าก็มาหยุดยืนที่หน้าห้องที่รู้กันดีในหมู่ผู้พิทักษ์ว่าเป็น ห้องทำงานส่วนตัวของวองโกเล่


มือเล็กเคาะประตูอย่างรวดเร็ว เอ่ยปากตามมารยาทแต่กลับไม่รอให้คนข้างในได้ตอบกลับมา มือเอี้ยวบิดตามวงหมุนของกลอน ประตูบานใหญ่เปิดออกอย่างรวดเร็ว พร้อมผู้พิทักษ์แห่งวายุที่กระโจนไปกลางห้องเสียแล้ว


“โกคุเดระคุง!!!” สึนะร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นคนผมเงินโผล่เข้ามา ตาสีอ่อนเบิกกว้าจ้องชายอีกคนที่ยืนทำหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์และความรู้สึก ใดๆ “คุณ...”


ชายผมดำไม่รอให้ผู้เป็นบอสได้พูดอะไรออกมา สองเท้าหันกลับจ้องหน้ากับร่างเล็กที่ยืนตาไม่กระพริบ


“เคียว...ยะ”


“ฉันไปล่ะ” บอกลาแค่สั้นๆ แต่ไม่ได้กระจ่างในความคิดคนผมเงินสักนิด ไป...ไปไหน? กลับโถง? หรือจะออกไปไหนกันแน่


“คุณฮิบาริ!!” สึนะร้องเสียงดัง เมื่อคนในชุดสูทเดินผ่านเลยโกคุเดระไปอย่างไม่แม้แต่จะปรายตามอง


“เดี๋ยวก่อนสิ!!” เจ้าของเรือนผมสีเงินร้องเสียงดัง แต่ก็ไม่อาจทำให้คนถูกรั้งหันกลับมามองได้ ร่างสูงเดินไปแล้ว...ไม่มีแต่สายตาที่หันกลับมามอง เสียงปิดประตูดังตอกย้ำความรู้สึกงุนงงของโกคุเดระ


อะไรกัน?


“เคียวยะ...” ร่างเล็กที่พยายามจะเดินตามออกไป กลับถูกรั้งด้วยวงแขนกว้างของสึนะโยชิ


มันเกิดอะไรขึ้น?


“โกคุเดระคุง” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนึกเห็นใจคนตรงหน้า ดวงหน้าผู้เป็นบอสเต็มไปด้วยความเศร้าที่ไม่อาจปิดได้ เขาไม่เข้าใจคุณฮิบาริสักนิด...ทำไมถึงเป็นคนใจร้ายได้ขนาดนี้


หึ...แต่คงไม่ต่างกับเขาสักเท่าไรหรอก


“รุ่นที่สิบครับ...เจ้านั่นไปไหนเหรอครับ?” โกคุเดระฝืนยืนตัวตรง ทั้งๆที่จวนจะล้ม หันมาถามผู้เป็นบอสตรงหน้า


สึนะมองคล้ายไม่อยากจะตอบคำถาม แต่ด้วยสายตาสีมรกตที่บอกราวกับว่าเขาไม่เป็นอะไร พาให้คำตอบออกจากปากจนได้ “คุณฮิบาริ ไปตามข้อมูลของกล่องน่ะ”


รอยยิ้มเล็กกระตุกข้างริมฝีปากช้ำ “งั้นเหรอครับ...”


สึนะโยชิไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ดวงตาที่เลื่อนลอยคู่นั้น...ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความผิดหวังแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกแย่กับแผนการที่ถูกวางเอาไว้


“หมอนั่นก็นิสัยเสียแบบนี้ทุกที... ทิ้งคนอื่นเอาไว้ข้างหลังทุกที... ไม่ได้สนใจสักนิดว่าคนอื่นจะรู้สึกยังไง ไอ้บ้าเอ๊ย!!” เสียงกระแทกกระทั้นในคำสุดท้าย ราวกับจะเอ่ยให้ดังไปถึงฮิบาริที่ออกไปไกลแล้ว


ไม่มีแม้แต่คำลา...
คำอวยพร...
ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่าง...ที่ทำให้เขารู้สึกดี





แต่ใครจะรู้ ว่าเบื้องหลังประตูเนื้อหนา กลับมีแผ่นหลังของบางคนเอนพิงอยู่...


แค่ไม่รู้เรื่องอะไรยังโวยวายได้บ้านแตกขนาดนี้ ถ้าหากรู้ว่าอะไรเป็นอะไรล่ะก็...เขาไม่อยากจะนึกสภาพดวงตาที่บวมช้ำสักนิด ใบหน้าที่ทำกล้าเสมอ ไม่เหมาะกับน้ำตาสักนิด


ที่เขาไม่บอกลา...เพราะเขายังทำใจไม่ได้ หากจะต้องพูดว่าลาก่อน
ที่เขาไม่ต้องการคำอวยพร...เพราะเขาไม่คิด ว่าเขาจะต้องไปนานจนต้องดูแลตัวเองดีๆ
เขาไม่อยากจะพูดอะไรสักอย่าง...ที่มันทำให้เขาคิดถึงคนผมเงินนั่น


เขายังอยากจะอยู่...กับเมื่อวาน เมื่อวานที่ไม่มีวันพรุ่งนี้



ฮิบาริถอนเท้าออกจากประตูห้อง ก่อนจะเดินออกไปยังหน้าฐานที่มีรถคอยรับส่งสำหรับการไปค้นหากล่องครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาจะได้อะไรกลับมา


เพียงแต่...


เขารู้แค่ว่า ถ้าเขากลับมาแล้ว...เขาจะต้องเสียใครบางคนไป และได้ใครบางคนมา
ใครบางคน...ที่ไม่ได้รักเขาเท่าเดิม

Fin.

ความคิดเห็น