(SF) KHR: There's no tomorrow - 2769TYL

Title: There's no tomorrow
Author: Devilz79
Paring: 2769 / 6927 TYL
Rate: PG
Summary: just do it, like there's no tomorrow
 


“เป็นมาเฟียที่งี่เง่าจริงนะครับ” ร่างโปร่งยืนค้ำโลงไม้สีดำเรียบ เงาดำทอดทับโลงศพครึ่งหนึ่ง ดอกไม้ก้านหนึ่งที่อยู่ในมือวางบนฝาโลงอย่างเงียบเชียบ


ตาสองสีกวาดมองสิ่งบรรจุร่างกายที่ไม่มีแล้วซึ่งลมหายใจ...สีดำงั้นเหรอ?


นภาสีขาวแบบคุณ ทำไมต้องนอนในโลงสีดำมืด...ก็เพราะความงี่เง่าไม่เป็นเรื่อง การตัดสินใจแย่ๆของคนคนนึงไม่ได้รู้บ้างเลยว่าส่งผลแก่คนอื่นมากแค่ไหน


นภาสีขาวที่จางหายไป
นภาที่เคยโอบทุกอย่างเอาไว้


นภาที่ไร้ความสามารถ...ไม่เหมาะสักนิดกับสิ่งที่เรียกว่ามาเฟีย


นภาที่ไร้ความสามารถ...กับสายหมอกที่ไม่อาจช่วยอะไรได้เลยสักนิดเดียว หากเขามองเห็นสิ่งที่ร่างนี้คิดอยู่ เขาจะสามารถทำอะไรได้อย่างนั้นหรือ? ...ช่างเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเหลือเกิน


มาเฟีย...
นภา...
สายหมอก...
คำลวง...





“มุ...มุคุโร่!?” เสียงทุ้มดังขึ้นด้วยความตระหนกเมื่อเห็นร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้า สองเท้าหดลงถดถอยตัวเองแนบชิดกับหัวเตียงหรู “นะ...นายงั้นเหรอ?” เอ่ยถามเสียงไม่เชื่อถือ


ตาสีไหม้กวาดมองรอบกาย นอกจากเตียงแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเลยที่ระบุว่าสถานที่ตรงนี้คือห้องนอนของเขา ทรายสีน้ำตาลอ่อนละเอียดเป็นประกายกับแสงแดด ไกลออกไปเป็นทะเลสีเขียวคราม เห็นคลื่นซัดอยู่ไกลๆ


“บังเอิญจังนะครับ” พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้ริมฝีปากจะฉีกยิ้มแต่ตาต่างสีกลับไม่ได้ยิ้มตาม “วองโกเล่” มือในถุงมือหนังสีดำขยับตรีศูรคู่กายให้อีกฝ่ายได้เห็น


สึนะโยชิมอง ก่อนจะถีบตัวเองให้ลุกขึ้นจากที่นอน ร่างกายสูงที่สูงกว่ามุคุโร่เดินตรงเข้าไปหาผู้ที่มาเยี่ยมเยียนเขาในความฝันอย่างไม่นึกกลัว เพียงตอนแรกแค่ตกใจเท่านั้น “มีอะไรรึเปล่า?” แม้เนตรที่เคยกลมโตจะเปลี่ยนเป็นคม ราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุ แต่อุปนิสัยของเอกนภายังคงเฉกเช่นเดิม


น้ำเสียงอ่อนโยน ยังคงเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย


“เปล่านี่ครับ ก็บอกว่าบังเอิญ” ตอบกลับเสียงเรียบ


“นายก็เป็นอย่างนี้ซะทุกครั้งนั่นแหละ มุคุโร่” เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลไหม้พึมพำอย่างนึกอ่อนใจ “แล้ว...นายตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” ถามเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นผู้บุกรุกไม่พูดอะไรออกมา


คนถูกถามครางในลำคอ มองด้วยความสงสัย “เป็นยังไง?”


“ที่วินดีเช่น่ะ”


มุคุโร่ส่งเสียงอ้อในลำคออย่างเข้าใจ ริมฝีปากยิ้มขึ้นมา “ยังไม่ตายหรอกครับ” ตอบออกมาราวกับจะประชดประชันคนตรงหน้าที่ทำหน้าเจื่อนลง


“ฉันขอ...”


“ช่างมันเถอะครับ” เอ่ยตัดบท แล้วถือวิสาสะนั่งลงบนเตียงนุ่ม ตรีศูรในมือหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ “คึหึหึ เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากได้ความช่วยเหลือคุณเท่าไรหรอก”

ร่างสูงกว่านิ่วหน้า “พูดแบบนี้อีกแล้วนะ...”


“แล้วทำไมล่ะครับ?”


“ก็เปล่าทำไม เพียงแค่...”


ประโยคที่ไม่ทันพูดจบ ถูกขัดด้วยเสียงหัวเราะในลำคอคนตาสองสี “เพียงแค่อะไรครับ อย่าลืมสิ ว่าคุณน่ะคือเป้าหมายของผม อีกอย่างอัลโกบาเลโน่ก็ย้ำไม่ใช่รึไงว่าผมทำอะไรให้คุณบ้าง”


“นั่นมันตั้งนานแล้วนี่”


“ถึงจะนานแต่จุดประสงค์ของผมยังไม่เปลี่ยนนะครับ” มุคุโร่ส่ายหน้าให้กับคำเถียงของบุรุษตรงหน้า...ช่างเป็นนภาสีขาวเสียจริงนะครับ


“นี่...” สึนะก้าวเท้าเข้าใกล้ แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ “จะมีสักวันไหม ที่นายเลิกเกลียดมาเฟียน่ะ” ถามเสียงเบา


มุคุโร่เลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างนึกสงสัย “ก็จนกว่าผมจะไม่มีเป้าหมายมั้งครับ...” เหลือบตามองคนข้างๆ ว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ที่ปรากฏกลับเป็นท่าทีเฉยๆแทนที่จะโวยวายหรือตกใจเสียมากกว่า


“งั้นเหรอ?”


เจ้าของตาสองสีนั่งนิ่ง เขาอยากจะมาเห็นหน้าของวองโกเล่อีกสักครั้ง...หรืออย่างน้อยๆก็แค่มองก็พอ เพราะอนาคตเบื้องหน้าที่รอคอยอยู่ มันเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน อนาคตที่เต็มไปด้วยความตายกับการกระทำของมาเฟียอีกพวก


มาเฟียที่เขารังเกียจ...


“มุคุโร่” เสียงทุ้มเรียกให้เจ้าของชื่อหันไปมอง “ถ้านายไม่มีเป้าหมาย แล้วนายจะเลิกเกลียดมาเฟียใช่มั้ย?” ตาสีอ่อนที่ทอดมองมาอย่างแปลกประหลาด พาให้คนถูกถามไม่อยากจะตอบ


“แล้วไงครับ?”


“ให้ฉันเป็นเป้าหมายคนสุดท้ายของนายได้มั้ย?” คำขอร้องเสียงแผ่วกับเนตรที่แฝงไปด้วยความเศร้าลึก


มุคุโร่นิ่งอึ้ง สบตาคู่นั้นอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไร คำขอที่ฟังดูแปลกประหลาด...สมกับเป็นมาเฟียงี่เง่าไม่มีผิดเพี้ยน “คึหึหึ...ไม่รู้สิครับ วองโกเล่” ตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ


สึนะท้าวมือลงกับที่นอน เงยหน้ามองฟ้าที่เป็นเพียงฉากทัศน์ที่ถูกสร้างมา “นายก็เอาแต่พูดแบบนี้” เสียงคล้ายจะบ่นเอ่ยแผ่วเบา ดวงตาหรี่ลงสู้กับแสงแดดที่เป็นประกาย


เป็นภาพมายาที่สมจริงเหลือเกินนะ...มุคุโร่


“ก็ผมที่พูดแบบนี้มันทำไมล่ะครับ?”


สึนะไหวไหล่ ก่อนจะลดหน้าลงเหมือนเดิม “นายน่ะเหมือนจะรู้ทุกอย่าง แต่บางครั้งก็ทำเป็นไม่รู้ หรืออาจจะไม่รู้จริงๆ เวลาที่ฉันมองนาย...ฉันก็เลยไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่”


มุคุโร่เบ้หน้า “นั่นมันอุปนิสัยของผมนี่ครับ”


“ใช่...เพราะมันเป็นนาย”


ดวงตาต่างสีหันมองผู้เป็นบอส ราวกับจะรอให้ฝ่ายนั้นได้พูดอะไรออกมาอีก และก็เป็นอย่างนั้น


“แต่ตอนนี้ฉันอยากรู้ มุคุโร่” ปิดเปลือกตาลง ก่อนจะลืมขึ้นอย่างช้าๆ เนตรใสชุ่มไปด้วยน้ำ แม้จะไม่ไหลลงมา แต่รู้ว่านั่นคือน้ำตา “...นายจะเสียใจมั้ย ถ้าฉันตาย”


คำถามแผ่วๆ เสียงที่ถามไม่ได้คาดคั้น หรือเรียกได้ว่าไม่ได้หวังที่จะได้รับคำตอบด้วยซ้ำ พาลให้มุคุโร่ต้องกลืนก้อนสะอึกในลำคอ เพราะประโยคคำถามสั้นๆ เข้าใจง่ายแบบนั้น


“ถามอะไรออกมา...งี่เง่าเหลือเกินนะครับ” แสร้งมองออกไปทางอื่น เพื่อไม่ได้ต้องสบกับเนตรสีอ่อนข้างๆ ริมฝีปากเรียวคล้ายจะสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้


“นั่นสิเนอะ...ฮ่ะ ฮ่ะ” สึนะกลืนก้อนสะอื้นกับน้ำตาที่จะไหลลงมา ฝืนหัวเราะออกมาอย่างยากลำบาก ใบหน้าที่กำลังจะเงยมองฟ้าต้องแปรเป็นตกใจเมื่อลำตัวได้รับการจู่โจมจากคนข้างโดยไม่ทันตั้งตัว


สองแขนสวมกระชับร่างของเขาเอาไว้ สึนะร้องเสียงเหวอเมื่อร่างกายเอนตามแรงกระแทกจนล้มตัวลงบนที่นอน


“งี่เง่านะครับ...”


“มุคุโร่?”


“ผมน่ะ...งี่เง่ามากนะครับ” เสียงอู้อี้เพราะใบหน้านั้นฝังอยู่บนแผ่นอกแกร่ง “...ที่คิดว่าเป้าหมายอย่างคุณจะตายง่ายๆ”


สึนะหลับตาลงเบาๆ สองมือโอบกอดลำตัวที่บางกว่าเขา ผิดจากสมัยก่อนโข ทำไมเขาต้องรู้สึกเจ็บปวด เหมือนกับร่างกายจะฉีกออกแบบนี้ ทั้งๆที่ทุกอย่างตระเตรียมด้วยความคิดของเขาเองทั้งนั้น


แผนการที่จะช่วยชีวิตทุกคนในยุคนี้ แผนที่มีเพียงเขา คุณฮิบาริ และโชอิจิเท่านั้นที่รู้


“ขอโทษนะ” กระชับร่างที่อยู่เหนือตัวเองแน่น


“ไม่ให้อภัยครับ...” มุคุโร่กัดฟันตอบ ไม่ใช่เพียงเขาไม่ให้อภัยวองโกเล่ แต่รวมไปถึงตัวเขาเองด้วย กับแผนการที่เขากำลังจะวางหมากเพื่อไปทำลายระบบของมาเฟียสกปรกนั่น...มิลฟิโอเล่ แม้จะต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่เพื่อการที่จะมีชีวิตรอด เขาจำเป็นต้องทำ


ทั้งๆที่อยากจะมีชีวิตเพื่อมองดูคนตรงหน้าให้ได้มากที่สุด
แต่นั่น...ก็ไม่อาจจะทำอย่างนั้นได้


“วองโกเล่...สัญญากับผมได้มั้ย? ว่าคุณจะต้องไม่ตาย” เนตรสองสีเงยมองคนที่หลับตาสนิท “...อย่าตาย จนกว่าผมจะฆ่าคุณเอง”


คำโกหกที่ดูสวยหรู...



“...”


“ผมเป็นคนเดียวที่จะฆ่าคุณได้...ตกลงมั้ยครับ?”


สึนะลืมตาขึ้นมอง ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มจืดชืดเอาไว้ นั่นคือความจริงใจของมุคุโร่ ผู้พิทักษ์แห่งหมอกงั้นเหรอ? “เพราะฉันเป็นวองโกเล่หรือซาวาดะ สึนะโยชิล่ะ?”


เอ่ยถาม...เพราะหวังฟังชื่อตนจากปากคนตรงหน้า


“ผมจะฆ่าคุณ...ในฐานะวองโกเล่ แต่คุณต้องสัญญากับผมในฐานะสึนะโยชิ”


ชื่อที่ไม่เคยได้เอ่ยออกไป...


“สัญญา”


คำโกหกที่ยิ่งใหญ่...


“คึหึหึ” เสียงหัวเราะดังกลบเกลื่อนความรู้สึกเบื้องลึก


การหลอกลวง...จวบจนวันสุดท้าย


อ้อมกอดแน่นที่กระชับไม่ยอมปล่อย ราวกับว่าวันพรุ่งนี้จะมาไม่ถึง พรุ่งนี้ที่ไม่มีใครให้กอดอีกต่อไป...อ้อมกอดนั้นราวกับว่าจะชำระบาปแห่งคำลวงครั้งยิ่งใหญ่ คำสารภาพในใจ คำขอโทษที่ผู้กอดรู้ดีว่าสัญญานั้น ไม่อาจทำตามได้


คำขอโทษแผ่วดังขึ้นมา...เป็นครั้งสุดท้าย






คนอยู่ในชุดหนังสีดำก้มลงมองกล่องไม้สีดำเบื้องหน้า


“ในที่สุดคุณก็โกหกเหมือนพวกมาเฟียนั่นแหละครับ...” แย่เหลือเกิน ที่เอกนภาแห่งวองโกเล่ก็พาลเอาความรู้สึกที่อยากจะเชื่อมั่นในตัวคนคนนี้หายไป


คำโกหกที่แสนจะงี่เง่า
คำลวงที่แนบเนียน...


ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน...


“ซาวาดะ สึนะโยชิ”



Fin.

ความคิดเห็น