S.Fiction 1859 | Special Track - Heater

Title: Life in Different Sound
Fandom: Katekyo Hitman Reborn ! (c) Amano Akira
Paring: 1859 (Hibari * Gokudera)
Rating: PG13
Author: Devilz79

Special Track – Heater
BGM: There’s Kind of Hush





“หนาวชะมัด”

เสียงบ่นงึมงำจากคนในชุดนักเรียนฤดูหนาว มือเรียวที่ไร้ถุงมือให้ความอบอุ่นถูกันเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับตัวเองท่ามกลางลมเบาๆ แต่สะท้านไปถึงไขสันหลัง ของอากาศในเดือนธันวาคมแบบนี้

“ก็พยากรณ์อากาศบอกแล้วนี่ ว่าปีนี้จะหนาวมากเป็นพิเศษ” เสียงนิ่งจากคนที่เดินอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมา พาลให้คนที่บ่นหนาวเหลือบตาไปมอง

“รู้โว้ย ก็ไอ้ข่าวพยากรณ์อากาศที่แกฟัง มันก็มาจากทีวีในห้องฉัน” เขาแน่ใจว่าก็ได้ยินมาพร้อมๆ กับเจ้าบ้านี่ แต่การที่เขาบ่นว่าหนาว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ฟังพยากรณ์อากาศ แต่ถ้าอากาศมันหนาว เขาก็แค่บ่นกับอากาศเท่านั้นเอง มันจะอะไรกันฟระ !

มือเล็กยังคงถูกันไปมา แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นสักเท่าไร

“อ๊ะ...”

มือหนาที่ซุกอยู่ใต้เสื้อโค้ทเอื้อมไปคว้ามือเย็นเฉียบเข้ามาจับ ก่อนจะดึงร่างนั้นให้เข้ามาชิดกัน แล้วจับมือยัดลงในกระเป๋าเสื้อโค้ทสีดำเข้ม

“อุ่นไหม”

เสียงนิ่งที่เอ่ยถาม

“ไม่”

ฮิบาริ เคียวยะ ประธานกรรมการรักษาระเบียบแห่งโรงเรียนนามิโมริ กำลังรู้สึกอยากจุดไฟเผาคนข้างๆ ให้มอดไหม้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้





“โกคุเดระ~” เสียงเรียกแห่งความอารมณ์ดีดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงหนาของยามาโมโตะ ทาเคชิกับผ้าพันคอที่พันอยู่รอบคอ “วันนี้อากาศหนาวชะมัดเลย” เด็กหนุ่มพูดพลางนั่งลงข้างๆ คนที่นั่งเอามือซุกอยู่ในเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่

“เออ”

“ไม่เคยเห็นนายใส่เสื้อตัวนี้เลยนี่หน่า แปลกจังเลย” พิจารณาคนตัวเล็กด้วยสายตาแห่งความสงสัย ปกติจะเห็นโกคุเดระในชุดนักเรียนฤดูหนาวเท่านั้น ไม่มีแม้แต่ผ้าพันคอ หรือถุงมือเพื่อกันหนาว

“พูดมากน่า”

ยามาโมโตะฉีกยิ้มกว้างกับใบหน้าที่เจือไปด้วยความรำคาญของอีกฝ่าย “นี่ เย็นนี้ไปกินราเม็งด้วยกันไหม พ่อฉันจะทำราเม็งเลี้ยง” หากให้เปรียบยามาโมโตะเป็นเทพแล้ว คงจะเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ มีทาเคชิ มีอาหาร ไม่อดตายแม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บแค่ไหนก็ตาม

โกคุเดระส่ายหน้าปฏิเสธ แม้จะต้องทนฟังยามาโมโตะหัวเราะร่ากับการอวดสรรพคุณของความสุดยอดของการรวมตัวกันของราเม็งกับอากาศหนาว

...ราเม็งกัญชารึไง





‘ฉันไปกับไอ้บ้าเบสบอล’

โกคุเดระ ฮายาโตะในชุดนักเรียนที่ถอดเสื้อโค้ทตัวหนาพาดไว้กับเก้าอี้ตัวข้างๆ ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือตัวเองเป็นครั้งที่หนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบเก้า แต่หากก็เจอแต่ข้อความของตนเองที่ถูกส่งออกไป

เขาเองไม่แน่ใจว่าทุกอย่างจับพลัดจับผลูมายังไง แต่เท่าที่สติจำความได้คือพอกริ่งเลิกเรียนคาบสุดท้ายดัง ก็โดนยามาโมโตะลากออกมาเพื่อมากินราเม็งที่พ่อของไอ้บ้าเบสบอลนี่ภูมิใจในการนำเสนอสูตรใหม่

สิ่งที่เขาพอจะทำได้คือการกดส่งข้อความไป...เพื่อบอก

แล้วมานั่งกระวนกระวายรอการตอบกลับจากอีกฝ่าย แต่ก็มีแค่ความเงียบ ไม่ได้มีเสียงสัญญาณหรือการสั่นที่บอกว่ามีข้อความใหม่เข้ามา

“เป็นไง ฝีมือพ่อฉัน สุดยอดใช่มั้ยล่ะ”

“เออ” แม้จะปฏิเสธไม่ได้ ว่าการกินราเม็งร้อนๆ ในอากาศหนาวจัดแบบนี้มันจะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น รวมไปถึงฝีมือการทำอาหารของเจ้าของร้านที่มีลูกชายเป็นพรีเซนเตอร์ดีเด่นแห่งปี การกินราเม็งของร้านพ่อยามาโมโตะมันก็สุดยอดตามที่เจ้านี่บอกจริงๆ นั่นแหละ

คนผมเงินก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง

“นายมีนัดกับสาวที่ไหนเนี่ย เห็นก้มดูโทรศัพท์หลายรอบแล้ว” ดวงตาสีน้ำตาลมีแววของความสงสัยปะปนไปกับความกรุ้มกริ่มในการจับผิด ‘สาว’ ของเพื่อนร่วมชั้น ที่แม้จะเคยแซวไปหลายๆ รอบ แต่ว่า... “หรือว่ากับฮิบาริเหรอ?”

โกคุเดระเบิกตากว้างก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะเสียงดัง “ใช่ที่ไหนละเฟ้ย ! มันมืดแล้ว ฉันจะกลับละ ยิ่งมืดอากาศน่าจะยิ่งหนาวมากกว่าเดิม” เลื่อนเก้าอี้ออกเสียงดังพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วนของยามาโมโตะที่ได้เห็นคนโวยวาย

“ฉันไปส่งไหม”

“ไม่ต้อง” คนตัวเล็กคว้าเสื้อโค้ทสีดำขึ้นมากระชับไว้ในแขนก่อนจะสวมมันเข้าตัวอย่างรวดเร็ว เอ่ยปากขอบคุณชายสูงวัยที่กำลังง่วงกับการแล่ปลา แล้วสับเท้าออกจากร้านอบอุ่นอย่างรวดเร็ว





“ดึก”

คำแรกที่ทะลุเข้าผ่านหูหลังจากปลายเท้าสัมผัสบันไดขั้นสุดท้ายก่อนถึงประตูหน้าห้อง

ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนฤดูหนาว ที่สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กำลังยืนพิงกำแพง ริมฝีปากซีดเซียวจากความหนาว ดวงตาสีดำที่เงยขึ้นมามองตัดกับใบหน้าสีขาว ที่กำลังจะยิ่งไร้สีจากพิษของความหนาวในช่วงกลางคืน

“ไอ้บ้า มายืนทำอะไรตรงนี้ฟระ” โกคุเดระถลาเข้าไปหาคนที่ยืนนิ่ง จนไม่แน่ใจว่าแข็งตายไปกี่ชั่วโมงแล้ว “มายืนตั้งแต่เมื่อไร ไอ้บ้า” สบถเบาๆ พลางเอื้อมมือไปแตะกรอบหน้าคมที่เย็นยะเยียบ “แกไม่ใช่วิญญาณใช่ไหม”

ฮิบาริ เคียวยะจ้องกลับไปในดวงตาสีเขียวของเจ้าของคำถามไร้สาระ “ถ้านายยังไม่เปิดห้อง นายกำลังจะกลายเป็นวิญญาณในอีกห้าวินาทีข้างหน้า”

คนตัวเล็กกว่าถอยขาออก ก่อนจะไขกุญแจห้องอย่างรวดเร็ว





“แล้วแกเป็นบ้าอะไร ทำไมต้องมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยวะ ทำไมไม่เข้าห้องไป ถ้าหนาวจนไม่สบายแล้วจะทำไง หรือถ้าแกเป็นอะไรขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไง” เสียงบ่นขรมของเจ้าของห้องที่ไล่ปรับอุณหภูมิให้อบอุ่นกว่าด้านนอก เสียงฮีทเตอร์ที่กำลังทำงานก็ไม่อาจสู้เสียงบ่นได้ “...โธ่เว้ย แล้วเสื้อโค้ทแกก็อยู่กับฉัน จะยืนหนาวทำอะไรวะ”

โกคุเดระบ่นด้วยใบหน้าบึ้งตึง ส่วนหนึ่งด้วยความโมโหในความบ้าพลังอย่างผิดๆ ของไอ้บ้ากรรมการรักษาระเบียบนี่ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกจากดาวดวงไหนกันฟระ จะสามารถทนต่อทุกสภาพผิวบนโลกได้ หรือคิดว่าเป็นแมลงสาบหรือยังไง ปั๊ดโธ่โว้ยยยยย !!

‘ไอ้บ้า’ ที่ถูกเรียกนั่งนิ่งบนโซฟาตัวเดิม ดวงตาสีดำยังคงนิ่งสนิทไม่บ่งบอกความรู้สึก “ก็แกยังไม่กลับ” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นมานิ่งๆ

“แล้วยังไง ฉันยังไม่กลับแกก็เข้าห้องแกไปสิวะ นี่ผ้าห่ม” ผ้าห่มผืนหนาที่ถูกลากออกมาจากห้องนอนถูกโยนใส่ตัวของคนที่นั่งอยู่ “ฉันก็ส่งข้อความบอกไปแล้วว่าไปกับไอ้บ้าเบสบอล อยู่ๆ มันก็ลากฉันออกไป”

มือเล็กเอื้อมไปคว้าผ้าห่มที่เพิ่งโยนออกมาคลี่ ก่อนจะเอาคลุมบนตัวของคนที่นั่งนิ่ง แม้ส่วนหนึ่งจะรู้สึกผิดกับการที่ตัวเองนั้นเอาเสื้อโค้ทกันหนาวของอีกฝ่ายมาใส่จนอีกฝ่ายเหลือแค่เครื่องแบบฤดูหนาวของโรงเรียนเท่านั้น ถ้าเจ้านี่ไม่สบายขึ้นมา ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขานั่นแหละ ถึงจะรู้ว่าคนตรงหน้าจะอึดถึกแค่ไหน แต่ก็เคยล้มป่วยเพราะตากฝนมาแล้ว

“ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

โกคุเดระกลอกตามองเจ้าของคำพูดที่นั่งอยู่ในผ้าห่มผืนหนา “มันไม่ใช่ประเด็นเฟ้ย ประเด็นคือทำไมแกถึงไม่เข้าห้อง จะออกมายืนข้างนอกทำไมวะ” ดวงตาสีเขียวมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ

“พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้จะหนาวมากที่สุด” คำตอบที่ดูไม่ได้สัมพันธ์กับประโยคคำถามเท่าไร พาให้คนฟังขมวดคิ้วมุ่น

“ก็รอในห้องสิวะ”

หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีแต่ความเงียบจากคนที่ยังคงนั่งนิ่ง เขาเกลียดฮิบาริ เคียวยะตรงที่ถ้าไอ้บ้านี่ไม่พอใจที่จะพูด ก็จะไม่พูดออกมา แล้วเขาจะไปตรัสรู้ความคิดคนบ้าแบบนี้ได้ไหม บางครั้งคนที่ดูน่าจะฉลาดแต่ทำอะไรที่ดูไม่มีเหตุผล มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนบ้าเท่าไรหรอกเว้ย

ฮิบาริเม้มปากคล้ายจะตัดสินใจที่จะพูดอะไรออกมา แต่ก็กลืนคำพูดนั้นลงคือไป ก่อนจะเอื้อมมือไปหาคนที่ยืนค้ำหัวด้วยใบหน้าของคนที่กำลังคิดอะไรไร้สาระ

“ฉันหนาว มานี่สิ”

“ฮะ?”

“บอกให้มานี่” เสียงนิ่งออกคำสั่งอีกครั้ง แล้วเอื้อมเข้าไปจับมือขาวของคนที่ยังทำหน้าเหมือนจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกกะทันหัน ให้นั่งลงข้างๆ ตนเอง “ฉันจะยืนรอแกเพราะอะไรนั่นมันเรื่องของฉัน แต่ตอนนี้ฉันหนาว...”

“ก็สมควรหนาวไหมล่ะ อากาศข้างนอกเกือบจะเป็นเลขตัวเดียวอยู่แล้ว” คนโดนฉุดให้นั่งบ่นอุบ แต่เมื่อประสานกับสายตาสีดำที่กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นความโมโหที่พร้อมจะฝังร่างเขาลงไปใต้อพาร์ตเมนท์แห่งนี้แล้วเผาทำลายหลักฐานนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้โกคุเดระค่อยๆ เงียบเสียงลง

ฮิบาริดึงผ้าห่มผืนหนาที่คลุมไว้ออกจากตัว ก่อนจะตวัดไปด้านหลัง เพื่อจับมาคลุมทั้งตัวเองและอ้อมแขนไปโอบคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วกระชับให้ปลายผ้าผืนหนาให้แนบสนิทเข้าหากันด้วยวงแขนกว้าง

“อ...อะไรเนี่ย”

“นายต้องมาเป็นฮีทเตอร์ให้ฉัน”

กรอบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้กับคนที่ถูกกักบริเวณให้อยู่ภายใต้อาณาเขตที่เขากำหนดเอาไว้ ไม่สามารถดิ้นหลุดหนีไปไหนได้ ลมหายใจอุ่นเป่ารดบนปลายจมูกของคนที่ใบหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทีละน้อย

ไม่ใช่จากอากาศหนาว

“ฮ...ฮิบาริ นายจะทำบ้าอะไรเนี่ย”

ร่างโปร่งในชุดนักเรียนสีดำก้มลงมองคนที่ดูตะกุกตะกัก ก่อนจะกระชับวงแขน ดึงให้อีกฝ่ายแนบชิดกับเขายิ่งขึ้น กรอบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าของคนที่เกร็งคอ ก่อนจะเลยไปกระซิบข้างๆ ใบหูที่เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนฉ่า

“อยู่แบบนี้ไปอีกสักพักละกัน”

เจ้าของเสียงค่อยๆ เอนตัวและทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาพร้อมกับคนที่อยู่ในอ้อมแขน





ฮิบาริจ้องมองคนที่ผล็อยหลับอยู่ในวงแขนของเขา ดวงตาสีเขียวที่ชอบทำท่าทีหาเรื่องเขาตลอดเวลาถูกปิดไปด้วยเปลือกตา แต่กลิ่นหอมเจือจางจากเรือนผมสีเงินนุ่มพาให้ปลายจมูกรั้นอยากจะแตะลงไปบนหน้าผากเนียนเบาๆ

ร่างโปร่งสะบัดผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาอย่างเงียบงัน

คนที่หลับไปยังคงอยู่ในนิทราอย่างสงบ ฮิบาริค่อยๆ ประคองร่างที่ไม่แน่ใจว่านอนหรือวิญญาณออกจากร่างไปแล้วให้มาอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะพาเข้าไปวางไว้บนเตียงนุ่มที่เจ้าตัวมักจะนอนบนนั้นทุกวัน

มือเรียวเอื้อมไปปัดผมที่ลงมาปรกระบนใบหน้าเนียนใส ก่อนจะค่อยๆ ดึงเสื้อสูทสีดำที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างนั้นออก จากความอุ่นของห้องที่มีอย่างเพียงพอ ไม่เช่นนั้นจะร้อนเกินไปจนต้องมีตัวน่ารำคาญที่ตื่นขึ้นมาบ่นโวยวายอากาศร้อนในคืนฤดูหนาว

ร่างสูงถอดเสื้อสูทตัวนอกของตนเองออก แล้วปลดกระดุมคอของเสื้อเชิ้ตด้านในลง ก่อนจะเดินออกไปหยิบผ้าห่มผืนหนาเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างคนที่หลับได้น่าประทุษร้ายเป็นอย่างมาก ถ้าจะนอนขนาดนี้ช่วยบอกทีว่าเจ้านี่ยังคงมีวิญญาณในร่าง

ลำตัวเพรียวพลิกตะแคง แล้วใช้แขนโอบคนข้างๆ ให้เขยิบเข้ามากระชับกันมากขึ้น

...ฮีทเตอร์ที่ดีที่สุดในฤดูหนาวแบบนี้





แสงสว่างแบบหม่นมัวต้อนรับเช้าวันใหม่ของฤดูหนาว เรียกให้คนที่นอนหลับทั้งคืนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีเขียวกระพริบถี่เมื่อเห็นใบหน้าคมที่คุ้นเคยอยู่ในระยะประชิด...มากกว่าปกติ

บ...บ้าไปแล้ว

“ฮ...ฮิ...ฮิบาริ” เสียงแหบพร่าเอ่ยชื่อของเจ้าของร่างที่นอนอยู่ข้างๆ ออกมา หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงอื้ออึงจากลำคอ พร้อมกับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น “ด...เดี๋ยวสิวะ นี่มันอะไรเนี่ย” ประท้วงกับสิ่งที่ได้รับกลับมา พยายามที่จะดันตัวอีกคนให้ออกห่าง

“อยู่เฉยๆ น่า” ว่างพลางดันตัวคนที่พยายามจะลุกขึ้นในนอนลงเหมือนเดิม “ฉันไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลานอน”

“แต่ได้เวลาไปโรงเรียนแล้วนะเว้ย” นาฬิกาที่ปรากฏเป็นเลขหก กับตัวเลขห้าสิบสามที่บอกนาที

เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีดำกับเรือนผมที่ชี้ฟูเงยคอขึ้นมามองคนที่ดื้อดึงจะลุกขึ้นให้ได้ “ฉันลาป่วย” คำพูดสั้น ง่าย แต่ไม่ค่อยได้ใจความ พาให้คนฟังนิ่งด้วยความงุนงงในการประมวลผล แล้วถูกกดลงให้นอนลงแบบเดิม พร้อมกับอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะยิ่งกระชับแน่นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม

โกคุเดระ ฮายาโตะขมวดคิ้วงุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ช่างเถอะ วันอากาศแบบนี้ก็ไม่ใช่วันที่ควรจะขยันไปโรงเรียนเสียหน่อย

ร่างเล็กค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงกับความอุ่นที่ยังอบอวลภายใต้ผ้าห่ม



Just the two of us
And nobody else in sight

There's nobody else and I'm feeling good
Just holding you tight





‘ฉันไม่ไปโรงเรียน’

ข้อความสั้นๆ แต่พาให้คุซาคาเบะ เท็ตสึยะอ่านมันทบทวนอยู่ซ้ำๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง พร้อมกับความรู้สึกอยากจะเผาไหม้ตัวเองให้กลายเป็นเถ้าถ่านอยู่หน้ารั้วโรงเรียน

ความยุติธรรมไม่เคยมีอยู่จริง

ในวันที่อากาศแสนจะน่าขี้เกียจแบบนี้ เขาต้องใช้ความพยายามในการดึงตัวเองออกจากฟูกและผ้าห่มอันแสนอุ่นสบายมายืนอยู่หน้าโรงเรียน แต่เหนือสิ่งอื่นใด...

ความวุ่นวาย ณ โรงเรียนนามิโมริที่กำลังจะบังเกิดในวันที่ประธานกรรมการรักษาระเบียบไม่อยู่นั้น พาให้ไขสันหลังของรองประธานเย็นวาบ

ต้องออกแรงมากกว่าเดิมอีกแล้ว




El Fin



เย่ะ

ต้องมีความผิดปกติอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตอย่างแน่นอน 
การจะมาอัพฟิคติดๆ กันได้ใน 1 เดือน ในรอบแปดร้อยล้านปีนั้น ฮ่า 
ใช่ค่ะ เนื่องจากป่วย นอนอยู่บ้านไม่ต้องไปทำงานเลยลุกขึ้นมาเขียนฟิค

และเรื่องนี้มาจากการคุยกับน้ำอ้อย (...เราควร ref เธอจากไหนดี ฮ่า) 
จริงๆ เป็นสิ่งที่คุยกันมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ หรือกลางปีอะไรสักอย่างนี่แหละ
ว่าจะทำ Challenge กัน น้องวาดรูป เราเขียนฟิค ก็มีทั้งความอู้กันไปนานมาก (โดยเฉพาะเรา) 
แต่ละเดือน (?) ก็จะมีตีมแตกต่างกันไป

สำหรับเดือนธันวาที่น้องก็ว่าง (?) และเราก็ว่างนั้น (?) ด้วยการคุยแบบงงๆ 
ไม่อยากได้ตีมคริสมาส เพราะว่านี่หมดมุกแล้ว 555555 
ก็ได้มางงๆ กับตีมผีผ้าห่ม ที่ตอนเขียนไปก็มีคำถามก้องอยู่ในใจว่าตีมอะไรนะ มีความงงอยู่ตลอดเวลา (จนเขียนจบเมื่อคืนก็ถามน้องว่า ตกลงตีมคืออะไรนะ)

สำหรับเรื่องนี้ที่ยกมาเป็น Special Track เพราะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ใน Track ปกติมันยังไม่ถึงไหนเลย
เลยเอาไว้เป็น Special แล้วกัน เป็น Track ที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นมา ฮี่ๆ

ก็ยังคงคอมเม้นต์และเม้ามอยคุยกันได้เหมือนเดิมนะฮะ :D
นี่ยังอยากเรียกแม่ยกต่างๆ กลับมากรีดร้องกัน กรีดร้องกับน้ำอ้อยอยู่ 2 คนเหงาเหลือเกิน

วิทเลิ้บฮะ <3

ความคิดเห็น